29 เมษายน 2554

"ลัดดาแลนด์" ตำนาน น่าสะพรึงเมืองเชียงใหม่

"ลัดดาแลนด์" ตำนาน น่าสะพรึงเมืองเชียงใหม่
เท่าที่ได้มีโอกาสได้เรียนและใช้ชีวิตในเชียงใหม่สิบกว่าปีและได้วนเวียนตรงบริเวณที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ผมเรียนเทคโนราชมงคลล้านนา หรือแต่ก่อนเรียกว่าตีนดอย

ผม ชอบเล่นบาสเก็ตบอลที่สนาม 700 ปี ตรงคันคลอง และต้องผ่านลัดดาแลนด์นับครั้งไม่ถ้วนในยามดึกดึ่น หลายปีและก็กลัวทุกครั้งที่ผ่านตรงนี้ และเท่าที่รู้ประวัติของสถานที่แห่งนี้ (เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆกันมานับๆ

“ลุง จำได้ลาง ๆ สมัย พ.ศ. 2511 ลุงเป๋นตะหานเก๋ณท์ รองผู้ก๋ารท่านชื่อ พันเอก ประดิษฐ์ คุณนายจื๊อ ลัดดา เจ้าของ ลัดดาแลนด์.. พ.ศ. 2514 ลุงมาเฮียนหนังสือหลังจากป๊นตะหาน ที่ สะลัยครู พักหอ ศรัญญา หลังสะลัยครู มีก้าป่าหญ้าจิ๊ยอบหลวง..จ่ำได้ว่า ขี่รถเครื่อง จากหอพัก ปาแฟนไปแอ่ว ลัดดาแลนด์ จากสลัยครู ผ่าน สี่แยกข่วงสิงห์ ไปตางแม่ริมไปสักน่อย แล้วเลี้ยวซ้าย ไปทางคลองชลประทาน จำได้ก๊าโหล่งมัน ลัดดาแลนด์”
ด้วย โครงการจัดสรรอันยิ่งใหญ่ของ คุณนายลัดดา พันธาภา นักธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสามีของท่านคือพล.ต ประดิษฐ์ พันธาภา และเป็นเจ้าของกิจการ “โรงหนังเวียงพิงค์”(โรงหนังนี้ก็โครตเฮี้ยน)


การ เล็งเห็นศักยภาพของที่ดินรกร้าง ผืนใหญ่อยู่ใกล้ดอยสุเทพ”พื้นที่ผืนนี้จึงถูกพัฒนาให้เป็น อุทยานการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ แล้วพัฒนามาเป็นที่พักหรือบ้านในรูปแบบของรีสอร์ทในรูปแบบล้านนาในแบบเมือง เหนือ ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งในยุคนั้นยังไม่มีสถานที่ใดโดดเด่นเท่า


ตามคนเก่าคนแก่ก่อนได้เล่าว่า …..


เมืองเชียงใหม่…เมื่อก่อนย้อนไปน่าจะซัก 40 กว่าปีได้
ลัด ดาแลนด์เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวที่โด่งดังมากเพราะมีสวนกล้วยไม้ที่ใหญ่ มากๆ“แล้วโครงการขนาดใหญ่ที่ครองใจผู้คนในยุคนั้นก็เกิดขึ้น ด้วยการจัดศูนย์แสดง-สาธิต ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งพิพิธภัณฑ์ชาวเขา การทำเครื่องเขิน การแกะสลักไม้ การทอผ้าไหม การแสดงฟ้อนรำต่างๆ ภายใต้การควบคุมของคณะ วัดเจ้าพ่อเม็งราย อันโด่งดังในยุคนั้น มีทั้งช้างให้นั่ง มีรถม้า มีรถไฟเล็ก การแสดงฟ้อนรำต่างๆ ทำให้หน้าหนาวทุกปีจะมีคนขึ้นมาเที่ยวเยอะมาก รวมไปถึงการมัดใจเด็กๆ และครอบครัว ด้วยการให้บริการช้าง ม้า และรถไฟเล็กให้นั่ง ด้วยค่าบริการประมาณ 8 หรือ 10 บาท มี “น้ำมะเกี๋ยง” (น้ำลูกหว้า) เป็นที่แรกและเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้ รวมทั้งมีการเปิดเพลงของคณะ ดิอิมพอสสิเบิ้ล ซึ่งโด่งดังในขณะนั้นเกือบตลอดทั้งวัน…”


เป็นสถานที่ยอดฮิตของวัยรุ่นสมัยนั้นจะไปออกเดทกันเพราะมีความเชื่อว่า

* คู่ไหนไปอธิฐานขอความรักกับต้นไทรหน้าลัดดาแลนด์แล้วคู่นั้นจะได้รักกันไปตลอดชีวิต
* ส่วนประชากรในหมู่บ้านทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นคนที่มีฐานะดีเข้าไปอยู่ จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านเศรษฐีก็ได้

ไม่มีความคิดเห็น: