27 มีนาคม 2552

อยากมีความสุข... จงทำตัวเหมือนน้ำ

บาง ครั้งการดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข ต้องรู้จักปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ทั้งสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น สภาพเศรษฐกิจ สังคม ผู้คน วัฒนธรรม ค่านิยม ฯลฯ หรือสภาพแวดล้อมภายใน ซึ่งได้แก่ ฐานานุรูป หรือสถานะทางสังคมของตัวเองและครอบครัว ความรู้ ฯลฯ

หลาย คนเป็นทุกข์ หาความสุขไม่เจอ เพราะไม่สามารถ "ปรับตัว" ให้เข้ากับปัจจัยทั้ง 2 ประการได้ น้ำเป็นตัวอย่างที่ดีของการปรับตัวเหล่านี้

1. รู้จักประมาณตัว

Water Being

น้ำ ไม่ว่าจะอยู่ในภาชนะรูปแบบไหนๆ หรือแหล่งน้ำธรรมชาติลักษณะใดๆ ก็สามารถทำตัวกลมกลืนมีรูปร่างไปตามนั้น เช่น อยู่ในแอ่งเล็กๆ อยู่ในสระขนาดกลาง อยู่ในบึงกว้างๆ อยู่ในทะเลสาบขนาดใหญ่ หรือแม้แต่อยู่ในมหาสมุทร น้ำก็อยู่ได้

Being Water

คนเอง ก็ต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับที่อยุ่หรือสิ่งแวดล้อมที่ห่อหุ้มชีวิต อยู่บ้านใหญ่ก็อยู่ได้ อยู่บ้านเล็กก็ปรับตัวให้เหมาะสม เศรษฐกิจดีก็ใช้เยอะ เศรษฐกิจแย่ก็ตัดรายจ่ายได้ ไม่ทุกข์ร้อนใจ มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย ตามภาษิต ‘นกน้อยทำรังแต่พอตัว’

เบื้อง ต้น คนต้องรู้ตัวเองเสียก่อนว่าเป็นน้ำในอะไร บางคนเป็นแค่น้ำขังในกะลา ทว่าใช้ชีวิตเหมือน้ำในทะเลสาบ แน่นอนล่ะ ในที่สุดก็ต้องอัตคัตขัดสน หามาได้ก็ใช้หนี้ หมุนวนอยู่อย่างนั้น เพราะดำเนินชีวิตแบบ "เกินกำลัง" ของตัวเอง

เมื่อรู้ตัวแล้ว ก็ต้องรู้สถานการณ์ มีแล้วค่อยใช้ ไม่มีให้เก็บออม คนสมัยนี้ชอบเอา "เงินอนาคต" มาใช้ เงินอนาคตหมายถึงอะไรน่ะหรือ ก็หมายถึงเงินหรือรายได้ที่คาดว่าจะได้ในวันข้างหน้า แต่ก็เลือกที่จะใช้เสียในวันนี้ เช่น ซื้อของเงินผ่อน กู้ หรือรูดบัตรเครดิตไปก่อน แล้วค่อยจ่ายทีหลัง มีจ่ายก็ดีไป ถึงเวลารายได้ไม่มาอย่างที่คิด ลำบากเอามากๆ

2. รู้จักถ่อมตน-เคารพคนอื่น

Water Being

น้ำ ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ น้ำตกเกิดเพราะบนที่สูง บนยอดเขามีน้ำอยู่มาก ไม่ว่าอยู่บนผิวดินหรือใต้ดิน ถึงที่สุดก็ต้องไหลลงสู่ที่ต่ำ

Being Water

เปรียบ ดั่งคนที่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ติดยึดกับหัวโขนที่สวมอยู่ ว่าฉันเป็นมหาเศรษฐี ฉันเป็นอธิการบดี ฉันเป็นรัฐมนตรี ฉันเป็นกรรมการผู้จัดการ ฉันเป็นนายพล ฯลฯ แต่สามารถปรับตัวได้ตามกาลเทศะ พบผู้อาวุโสก็รู้จักนอบน้อม พบผู้อ่อนอาวุโสหรือด้อยฐานะกว่า ก็เคารพ ให้เกียรติ และมีเมตตา ไม่ดูถูก ไม่รังเกียจ

3. รู้จักยืดหยุ่น

Water Being

น้ำนั้นอ่อนนุ่ม แต่มีแรงปะทะมหาศาล ยามที่อยู่เฉยๆ น้ำไม่ทำร้ายใคร แต่ยามที่น้ำไหลบ่าก็สามารถทำลายแม้กระทั่งขุนเขาขนาดมหึมา

Being Water

คน จึงต้องรู้จักอดทน อดกลั้น และข้ามผ่านช่วงเวลาที่ไม่น่าพอใจไปให้ได้ ด้วยการรู้จักยืดหยุ่น รู้เขารู้เรา รู้จักถอยเพื่อก้าว เมื่อได้ชัยชนะให้เกียรติคู่ต่อสู้ แข็งมาอ่อนกลับ ชนะจากภายในสู่ภายนอก

จะ ชนะผู้อื่นได้จึงต้องทำตัวเหมือนน้ำทั้งกายภาพและจิตใจ ใช้ความอ่อนนุ่มสยบความแข็งกร้าว ว่าไปแล้วประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาหลายร้อยหลายพันปีก็มีตัวอย่างมายืนยันความ คิดนี้ ผู้ชายที่มีอำนาจอันแข็งแกร่งล้วนแต่พ่ายแพ้ต่อสตรีที่อ่อนโยนและเลอโฉมมา แล้วทั้งสิ้น

ที่มา bervernetwork

เพื่อนที่ดี

---- ความคิดสมัยอนุบาล
เพื่อนที่ดีคือคนที่ให้สีเทียนสีแดงกับคุณ เมื่อมีเหลือแต่สีเทียนสีดำทะมึน

---- ความคิดสมัย ป.1
เพื่อนที่ดีคือคนที่ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนคุณ แล้วก็จับมือคุณระหว่างเดินผ่านห้องโถงที่น่ากลัว

---- ความคิดสมัย ป.2
เพื่อนที่ดีคือคนที่ทำให้คุณเข้าเรียนคลาสที่ไม่อยากเรียน (มั้ง)

---- ความคิดสมัย ป.3
เพื่อนที่ดีคือคนที่แบ่งอาหารกลางวันให้คุณ เมื่อคุณลืมกล่องข้าวไว้ที่บ้าน

---- ความคิดสมัย ป.4
เพื่อนที่ดีคือคนที่ยอมเปลี่ยนคู่เต้นในวิชาดนตรี เมื่อคุณไม่อยากจับคู่เต้นอยู่กับนิกจอมลามก หรือเอ็มกลิ่นแรง

---- ความคิดสมัย ป.5
เพื่อนที่ดีคือคนที่เผื่อที่นั่งให้คุณเมื่อถึงมื้อเที่ยง

---- ความคิดสมัย ป.6
เพื่อนที่ดีคือคนที่พาคุณไปหาคนที่คุณตกหลุมรัก เพื่อขอให้เค้ามาเต้นรำกับคุณ เผื่อว่าเค้าปฏิเสธคุณจะได้ไม่ต้องอายไง

---- ความคิดสมัย ม.1
เพื่อนที่ดีคือคนที่ให้คุณลอกรายงานสังคม

---- ความคิดสมัย ม.2
เพื่อนที่ดี คือคนที่ช่วยคุณทำรายงานกลุ่ม และไม่เคยนินทาคุณลับหลัง

---- ความคิดสมัย ม.3
เพื่อนที่ดี คือคนที่เปนที่ปรึกษาปันหาหัวใจให้คุณ และอินกับคุณในทุกๆอารมณ์

---- ความคิดสมัย ม.4
คือ คนที่ยอมเปลี่ยนวิชาเรียน เพื่อที่คุณจะได้มีเพื่อนนั่งกินข้าว

---- ความคิดสมัย ม.5
เพื่อนที่ดีคือคนที่ช่วยคุยกะพ่อแม่ของคุณเวลาคุณมีปัญหา แล้วก็คอยปลอบคุณตอนที่คุณเลิกกับแฟน

---- ความคิดตอน ม.6
เพื่อน ที่ดีคือคนที่ช่วยคุณเลือกมหา'ลัยที่จะเข้า แล้วก็บอกกับคุณว่าคุณเข้าที่นั่นได้แน่ แถมยังช่วยคุยกับพ่อแม่ให้ยอมให้คุณไปเรียนมหาลัยนั้นอีกด้วย

---- ในงานจบการศึกษา
เพื่อนที่ดีของคุณ คือคนที่ร้องไห้เงียบๆ ในใจ แล้วก็แบ่งปันรอยยิ้มกว้างๆ ให้คุณ

---- หน้าร้อนหลังจบ ม.6
เพื่อน ที่ดีคือคนที่ช่วยคุณล้างขวดหลังงานปาร์ตี้ ช่วยคุณแอบย่องออกจากบ้านตอนที่คุณตกลงกับพ่อแม่ไม่ได้ ทำให้คุณกับแฟนกลับมาคบกันอีก ช่วยคุณเก็บของเพื่อย้ายไปมหาลัย แล้วก็กอดคุณอย่างเงียบๆ มองคุณด้วยแววตาที่ขุ่นมัว พร้อมกับความทรงจำ 18 ปีที่ผ่านมา ให้กำลังใจคุณในทางที่คุณเลือกเดินเหมือน 18 ปีที่ผ่านมา

และ ตอนนี้ เพื่อนที่ดี ยังคงเป็นคนที่ให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ จับมือของคุณเมื่อคุณกลัว ช่วยคุณต่อสู้กับสิ่งที่พยายามเอาเปรียบคุณ คิดถึงคุณตลอดเวลาที่คุณไม่อยู่ เตือนคุณในสิ่งที่คุณลืม ช่วยคุณผ่านอดีตแต่ก็เข้าใจเมื่อคุณอยากอยู่กับอดีตอีกซักนิด อยู่กับคุณเพื่อให้คุณมีความมั่นใจ หรือไปไกลๆ คุณซักพัก เพื่อให้คุณได้มีเวลากับตัวเอง ช่วยคุณแก้ไขความผิดพลาด ช่วยคุณจัดการกับความกดดันทั้งหลาย ยิ้มให้คุณเมื่อยามคุณเศร้า ช่วยให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้น และอย่างสำคัญที่สุด คือ รักคุณ?


ขอบคุณสำหรับความเป็นเพื่อน ไม่ว่าเราจะไปถึงจุดไหน หรือเรากลายเป็นอะไร จะไม่มีวันลืมคนที่ช่วยให้เราไปถึงจุดนั้น

ไม่มีการผิดเวลาที่จะโทรศัพท์ หรือส่งข้อความ เพื่อบอกเพื่อนของคุณว่า คุณคิดถึงพวกเค้าขนาดไหน หรือว่าคุณรักพวกเค้าขนาดไหน

คุณ รู้ว่าคุณเป็นใคร ส่งความรู้สึกนี้ไปให้คนบางคนที่คุณอยากจะนึกถึง ถ้าคุณรักใครซักคน ก็บอกเค้าซะ จำไว้เสมอเลยนะว่าพูดสิ่งที่คุณคิด สิ่งที่คุณหมายถึง อย่ากลัวที่จะแสดงความรู้สึกของตัวเอง ใช้โอกาสนี้ในการบอกใครซักคนที่มีความหมายกับคุณ คว้าเอาไว้แล้วจะไม่เสียใจ



สิ่ง สำคัญที่สุด อยู่ใกล้ๆ กับเพื่อนและครอบครัว สำหรับการที่พวกเค้านั้นทำให้คุณกลายมาเป็นคุณในวันนี้ บอกความรู้สึกซะ ให้เกิดความแตกต่างขึ้นในวันของคุณและเค้า


ความแตกต่างระหว่างการแสดงความรัก และการเสียใจ คือ การเสียใจอาจจะอยู่ตลอดไป




คุณเป็นเพื่อนที่ดี . . . หรือป่าวนะ?

" เพื่อน" เป็นคนที่มีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อทุกคน ถ้าเรามีเพื่อนดีก็จะช่วยส่งเสริมให้เราเป็นคนดีที่ใครๆก็อยากคบหา แล้วเคยสังเกตตัวเองไหมว่า เพื่อนๆ มีคุณสมบัติของเพื่อนที่ดีแล้วหรือยัง ไม่แน่ใจใช่ไหม...


ถ้าอย่างนั้นอ่านหัวข้อด้านล่าง แล้วตอบว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่"

1. เพื่อนซี้ของคุณต้องการให้คุณช่วยถือกล่องหนักมาก เพราะจะไปทำธุระที่ห้องพักครู คุณรีบรับจากมือเพื่อนทันที...

2. คุณรู้ว่าเพื่อนชอบกินอะไร ฟังเพลงแนวไหน อ่านการ์ตูนเรื่องอะไร

3. คุณไม่เคยโกหกเพื่อนสักครั้ง

4. เมื่อไรอยากไปเที่ยวไหน ก็จะชวนเพื่อนซี้ไปด้วยเสมอ เพราะเราไปไหนไปกันอยู่แล้ว

5.ถ้าคุณทะเลาะกับเพื่อน แล้วกลับมาคืนดีกันคุณจะไม่เก็บเรื่องนั้นมาใส่ใจ

6. สมมุติว่าเพื่อนสนิทคุณได้เป็นดาว ร.ร. และมีคนมาแจกขนมจีบเป็นประจำ คุณจะไม่คิดน้อยใจว่าตัวเองไม่สวยและรักษามิตรภาพระหว่างเพื่อนตลอดไป

7. วันหนึ่งเพื่อนสนิทคุณลืมเอาเงินมา ร.ร.พอคุณรู้คุณรีบควักเงินให้เพื่อนยืมทันที

8. เพื่อนสนิทคุณเล่าความลับให้คุณฟัง และกำชับว่าอย่าบอกใคร ไม่ว่าใครมาคาดคั้นคุณก็จะปิดปากเงียบ

9. เพื่อนเราชอบเอาเรืองคนอื่นมาเม้าส์ เราจะต้องเตือนเพือนหรือไม่ส่งเสริมเติมแต่ง หรือเอาไปบอกต่อ

10. เราเห็นเพื่อนมีทุกอย่างดีกว่าเรา เราต้องมีความรู้สึกยินดีและมีความสุขกับเพื่อนไปด้วย

11. อยากให้คุณกับเพื่อนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป


เพื่อนคนนี้อยากบอกว่า...

คนที่ตอบใช่ 9-11ข้อ
เลิศ มาก! คุณมีสมบัติของเพื่อนที่ดีแล้ว รู้จักใส่ใจและสังเกตความสนใจของเพื่อนแม้ว่าจะมีเรื่องทะเลาเบาะแว้งกัน บ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะทุกคนไม่คิดเหมือนกันเสมอไป ดังนั้นรักษาความดีนี้ไว้ มิตรภาพจะได้ยั่งยืน


คนที่ตอบใช่ 5-8ข้อ
คุณ เป็นเพื่อนที่ดีแต่ยังแสดงออกน้อยไปหน่อย อาจเพราะยังไม่สนิทกันมากใช่ไหมล่ะ ลองเป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อนก่อนสิ ค่อยๆ ศึกษากันไป ทำเรื่องดีๆ ด้วยกันมากขึ้น ความสนิทสนมจะทำให้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันโดยไม่รู้ตัว


คนที่ตอบ 0-4ข้อ
คุณ ยังขาดความสมบัติของเพื่อนที่ดีไปบ้าง ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนไม่ดีแต่ควรเพิ่มความสนใจและใส่ใจเพื่อนมากกว่า เดิม ดังนั้นควรเปิดใจให้กว้าง ไปไหนมาไหนกับเพื่อนบ้าง ร่วมกิจกรรม เสียสละเพื่อส่วนรวมบ้าง ไม่ใช่เอาแต่เรียนอย่างเดียวอย่าลืมแสดงให้เพื่อนเห็นว่าคุณมีความจริงใจ เปิดเผย และมีน้ำใจ รับรองจะมีเพื่อนใหม่มาต่อแถวขอทำความรู้จัก!



เพื่อนหาง่าย การที่จะเจอเพื่อนที่ดีหายาก แต่การรักษาเพื่อนไว้ให้ยาวนานมันยากที่สุด ...


การ รักษาเพื่อนก็เหมือนการเอามือกำทราย กำแน่นเพื่อนก็ไม่อยู่ กำหลวมทรายก็ไหลหมด แล้ว เพื่อนเพื่อนมีวิธีการรักษาเพื่อนรักกันอย่างไร และมีเพื่อนที่สนิทแบบคุยกันได้ทุกเรื่องกี่คนและคบกันมานานแค่ไหน ลองคิดดูนะ ..... ตัวเองเป็นคนมีเพื่อนเยอะมาก แต่เวลามันจะพิสูจน์ทุกคนเสมอ แต่ดีใจเรายังมีเพื่อนรักที่คบกันมานาน มองตาก็รู้ใจโดยไม่ต้องเอ่ยปาก ขอบคุณเพื่อนเพื่อนนะค๊ะที่เข้ามาอ่านด้วยกันค่ะ ขอให้ทุกคนเจอเพื่อนที่ดี และจริงใจต่อกันตลอดไป

ที่มา bevernetwork

30 วิธีกับการมีความสุขแบบง่าย ๆ

1. นึกไว้เสมอว่าการโกรธ1นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับคุณ 3ชั่วโมง

2. ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก รับรองว่าเค้าต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้งแน่

3. ลองปลูกต้นไม้เองสักต้น การเติบโตของมันจะบ่งบอกตัวตนของคุณได้

4. หลับตานิ่งๆสักสามนาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรที่อยู่ตรงหนามันช่างยากเหลือเกิน

5. ระหว่างแปรงฟัน ฮัมเพลงด้วยจนจบ จะทำให้ฟันสะอาดขึ้นสองเท่า แฮะๆ

6. เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง จากที่รสชาติธรรมดาก้อจะอร่อยขึ้นเยอะเลย

7. ไม่ว่าผมจะสั้นหรือยาวแค่ไหน ก้อต้องการให้หวีอย่างทะนุถนอมเหมือนกันหมด

8. การขึ้นลงบันไดสูงๆ แบบไม่ให้เมื่อย คือการไม่นับว่ากำลังยืนอยู่บันไดขั้นที่เท่าไร

9. คนตาบอดจะเห็นว่าคุณสวยมากๆ ทันทีที่คุณถามเค้าว่า "ช่วยพาข้ามถนนไหมคะ?"

10. เมื่อจะหยิบเศษเงินให้ขอทาน ไม่จำเป็นต้องนับก่อนที่จะหย่อนลงกระป๋องหรอก

11. ควรหัดพูดคำว่า "ไม่เป็นไร" ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า "จะเอายังไง"

12. ลองตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น15นาที รับรองว่าจะไม่ค่อยไปสายเหมือนเมื่อก่อน

13. สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้จึงเล่าให้มันฟัง

14. อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกทีเผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด

15. เขียนชื่อคนที่เกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้ง ความเกลียดจะเบาบางลงไปเรื่อยๆ

16. ให้ปล่อยน้ำตาไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้งจะดูแทบไม่ออกว่าเพิ่งร้องไห้

17. ตุ๊กตาและของเล่นเก่าๆ จะทำให้เรายิ้มออกเสมอเมื่อไปหยิบมาเล่นอีกครั้ง

18. ก่อนจะชื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันทำให้ได้อย่างน้อยสามข้อก่อน

19. ถึงเสื้อกางเกง ในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าใส่สลับกันไปเรื่อยๆก้อจะดูเหมือนมีเยอะขึ้น

20. ซาลาเปา 1 ลูกกินได้ 2 คน ลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้ กินได้ 4 คนถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง

21. เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ดีกว่า ให้คนที่ได้เยอะจนจำชื่อคนให้ได้ไม่หมด

22. ในวันที่รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เดินไปชื้อดอกไม้ให้ตัวเองสักดอกก็จะดีขึ้น

23. แอบรักใครสักคน ยังไงก็ยังดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกรักมันเป็นอย่างไร

24. ถึงจะไม่ออกไปไหน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นิ

25. ฝึกโรแมนติคง่ายๆ คนเดียวบ้าง ด้วยการนั่งนับดาวให้ครบ 100 ดวงก่อนนอน

26. ถ้าคุณเช็ดกระจกที่ขุ่นมัวที่สุดจนสดใสได้ ทำไมคุณจะเรียนดีกว่านี้ไม่ได้

27. พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่ม มันอาจจะไม่สนุกแต่ก็มีประโยชน์แฝงอยู่

28. วันที่ตื่นเช้าๆ ให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ถ้าขี้เกียจออกกำลังกาย

29. แค่เอาข้าวที่กินไม่หมดไปให้หมาที่เดินผ่านก็เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนแล้ว

30. ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นในบ้าน แม่จะได้มีค่าขนมให้คุณเพิ่มขึ้นอีกหลายบาท

ที่มา bevernetwork

19 มีนาคม 2552

11 เคล็ดลับกำจัดจุดอ่อน

1. การให้อภัย

การ ให้อภัยเป็นการสกัดความรู้สึกลบอย่างเด็ดขาด ความรู้สึกโกรธแค้นจะหายไป แต่ทั้งนี้ต้องเป็นการให้อภัยจากความรู้สึกไม่ใช่ความคิด เราอาจจะคิดให้อภัย แต่ความรู้สึกลึกๆ ยังอาฆาตพยาบาทกรรมเก่านั้นก็ยังฝังตัวอยู่ รอการแสดงผลต่อไปในอนาคต การไม่รู้จักให้อภัยหรือไม่มีเมตตา ก็คือการจองเวรผูกเวร ที่จะต้องกลับมารับกรรมนั้นอีก

2. การแผ่เมตตา

การตก เป็นฝ่ายถูกกระทำก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกลบเสมอไป การที่เราถูกคนอื่นดูถูกก็ไม่จำเป็นต้องโกรธกลับจงคิดว่าเขามีปัญหาบางอย่าง ที่คับข้องใจ ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง หรือกลัวที่จะไม่ได้รับการยอมรับ ฯลฯ แทนที่เราจะโกรธ ควรเห็นใจและสงสารเขา วิธีกำจัดจุดอ่อนที่ดีที่สุดเมื่อเราตกเป็นฝ่ายถูกกระทำคือ การแผ่เมตตา

3. ให้ความรัก

" ความรัก" ก็เป็นยาขนานเอกในการกำจัดความรู้สึกลบได้อย่างชงัด หลายคนนำภาพครอบครัวมาไว้ที่ทำงาน เมื่อใดที่เกิดความรู้สึกท้อหรือเครียดกับงาน หันไปมองภาพนันสัก 1 นาที ความรู้สึกลบจางลงไปได้อย่างมหัศจรรย์

หรือภาพแห่งความทรงจำที่ดีๆ ก็สามารถ นำมาใช้สร้างความรู้สึกบวกได้เช่นกัน ความทรงจำที่ประทับใจต่างๆ

4. การแสดงออกเชิงบวก
เช่นเวลาเราโกรธจัด...ก็หัวเราะออกมาดังๆ....แต่ขอเป็นที่บ้านนะ...ถ้าโกรธที่อื่น...ก็บังคับตัวเองให้ยิ้มไว้ ยิ้มไว้

5. การยอมรับจุดที่แย่ที่สุดคิด พิจารณาจุดเลวร้ายที่สุดของเหตุการณ์นั้นคืออะไร และทำใจยอมรับมันเสียถ้ามันเกิดขึ้น อย่างไรก็กำไรเสมอ เพราะคุณเกิดมาก็ไม่มีอะไรติดตัวมาด้วย ตอนตายก็เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้

6. การถอยตั้งหลัก

ก็ ใช้ได้ผลในบางสถาณการณ์เมื่อรู้สึกว่าชีวิตติดลบสุดๆแล้ว ปล่อยให้สิ่งต่างๆผ่านไปด้วยตัวของมันเอง บางคนอาจจะลาไปบวชสัก 3 เดือน ลาพักร้อนสัก 3 อาทิตย์ การที่ถอยออกมาจะทำให้มองเห็นภาพโดยรวมชัดเจนขึ้น เกิดปัญญาในการแก้ไขปัญหา ดีกว่าที่จะลงไปขลุกกับปัญหาอยู่ตลอดเวลา ปํยหายากๆ บางอย่างสามารถแก้ไขได้ง่ายๆ เพียงแต่ถอยห่างออกมาตั้งหลักและใช้เวลาอยู่เงียบๆสักระยะหนึ่ง

7. การปลีกวิเวก

เลิก ยุ่งเกี่ยวกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเกิดปัญหายุ่งยากไม่สามารถแกไขได้เดี๋ยวนั้น หลายคนอาจเคยพูดว่า " ขอให้ข้าพเจ้าได้อยู่เงียบๆคนเดียวสักพัก"......

8. การระบายความรู้สึก

เพียง แต่ต้องหาใครสักคนที่ไว้วางใจได้ ถ้าคนที่เราระบายความรู้สึกเขาเข้าใจกับปัญหาของเราก็จะทำให้เรารู้สึกบวก ขึ้นมาได้ หรือการถักงานฝีมือต่างๆ อันนี้จากประสบการณ์ตรงของ จขบ. ที่มีเพื่อนคนหนึ่งอกหัก(หลายคนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา)เราก็พยายามทำไงฟ่ะ ให้มานเลิกคิดก็เลยให้มานกลับมาสนใจงานถัก...ถักๆๆๆ ถักๆๆๆๆทั้งวันทั้งคืน...จนมานทำร้านขายไหมพรม...มะมีเวลาได้คิดเรื่องราว ที่เลวร้ายที่ผ่านมากะตัวมานเองอีกต่อปาย....เพราะได้ระบายความรู้สึกกะเรา ...(การร้องไห้ก็เป็นอีกวิธีค่ะ)

9. การดูแลสุขภาพกายให้แข็งแรง

ใช้งานร่างกายของตัวเอง ก็ต้องบำรุงรักษาเขาด้วยนะค่ะ

10. ทำงานอดิเรก

ที่ตัวเองทำแล้วมีสุข ทำไปเลย ใครจะว่าไรอย่าไปสนใจ ก็เราทำแล้วมันสุขอ่ะ.....

11. ความสำนึกรู้คุณ
ง่ายๆเลย รู้จักใช้คำนี้แต่ห้ามพร่ำเพรื่อ นะ "ขอบคุณ" "ขอโทษ"


ขอจบแค่นี้นะค่ะ หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์กับหลายคนที่ ต้องการเรียนรู้อยู่เสมอ และขอขอบคุณหนังสือ "เดอะท็อปซีเคร็ต" พิมพ์ครั้งที่9
ผู้เขียน คือ ทันตแพทย์สม สุจีรา
ที่มา www.bervernetwork.com

นิทาน ลิงกับลา

หญิง ชาวบ้านคนหนึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในกระท่อม ด้วยความเหงานางจึงหาสัตว์มาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนสองตัวคือ ลิงและลา วันหนึ่งหญิงชาวบ้านคนนี้ต้องออกไปตลาดเพื่อซื้ออาหาร ก่อนออกจากบ้านเธอได้เอาเชือกมาผูกคอลิงแล้วมัดขาของลาเอาไว้ทั้งสองข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัว
เดินย่ำไปมาในกระท่อมจนทำให้ข้าวของต่างๆ ได้รับความเสียหาย

ทันที ที่หญิงชาวบ้านออกจากบ้านไป ลิงซึ่งมีความฉลาดและแสนซนเป็นคุณลักษณะประจำตัวก็ค่อยๆ คลายปมเชือกออกจากคอของมัน อีกทั้งยังซุกซนไปแก้เชือกมัดขาให้แก่ลาอีกด้วย หลังจากนั้นเจ้าลิงก็กระโดดโลดเต้นห้อยโหนโจนทะยานไปทั่วกระท่อมจนทำให้ข้าว ของต่างๆ ล้มระเนระนาดกระจัดกระจายไปทั่ว อีกทั้งยังซุกซนรื้อค้นเสื้อผ้าของหญิงชาวบ้านมาฉีกกัดจนไม่เหลือชิ้นดี ในขณะที่ลาได้แต่มองดูการกระทำของเจ้าลิงอยู่เฉยๆสักครู่หนึ่ง หญิงชาวบ้านคนนี้ก็กลับมาจากตลาด เจ้าลิงมองเห็นเจ้าของเดินมาแต่ไกลจากทางหน้าต่างก็รีบเอาเชือกมาผูกคอตนไว้ อย่างเดิมและอยู่อย่างสงบนิ่ง

ฝ่ายหญิงชาวบ้านเมื่อเปิด ประตูกระท่อมเข้ามาเห็นข้าวของของตนถูกรื้อค้น กระจุยกระจายเช่นนั้นก็เกิดโทสะขึ้นทันที หันมองลิงและลาเพื่อดูว่าใครเป็นผู้ก่อเรื่อง และเห็นว่าลาไม่มีเชือกผูกขาดังเดิม เธอก็คิดเอาเองว่าเจ้าลานี่เองคือตัวปัญหา ทำให้กระท่อมของเธอมีสภาพไม่ต่างจากโรงเก็บขยะ ดังนั้นหญิงชาวบ้านจึงวิ่งไปหยิบท่อนไม้นอกบ้านมาทุบตีลาอย่างรุนแรง ซึ่งเจ้าลาผู้น่าสงสารก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจนสิ้นใจโดยไม่ สามารถทำ อะไรได้เลย

เธอหลายคนคงไม่ค่อยชอบตอนจบของนิทานเรื่อง นี้นัก เพราะสงสารเจ้าลาที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรแต่กลับถูกเจ้าของทำโทษจนตาย ส่วนเจ้าลิงซึ่งเป็นต้นเหตุแท้ๆ กลับรอดพ้น และไม่ได้รับผลกรรมใดๆ แต่แท้ที่จริงแล้วนิทานเรื่องนี้ต้องการชี้ให้เห็นถึง ความเป็นผู้นำ ของหญิงชาวบ้านที่ไม่
พิจารณาเหตุการณ์ให้ถ่องแท้ เชื่อแค่สิ่งที่ตนเห็นแล้วลงโทษไปตามความรู้สึกและประสพการณ์ส่วนตัว เธอมองเห็นข้าวของเสียหายและมองเห็นลาที่หลุดออกมาจากเชือก แล้วตัดสินว่าลาคงเป็นผู้กระทำ แต่ไม่ได้มองว่าลาไม่มีปัญญาจะแก้เชือก และไม่มีนิสัยชอบรื้อทำลาย เธอมองเห็นลิงยังถูก
เชือกล่ามอยู่ก็คิดว่า ลิงคงไม่ใช่ผู้กระทำ แต่มองไม่ออกว่าผู้น่าจะแก้ปมเชือกได้และมีนิสัยชอบรื้อทำลายนั้นคือ ลิงความจริงถ้าเธอรู้จักสำรวจร่องรอยความเสียหายเสียสักเล็กน้อย เธอก็จะพบรอยเท้าและฟันของลิงกระจายไปทั่วห้อง แต่ไม่พบรอยเท้าของลาเลยเพราะลาไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน

เหตุที่ องค์กรของเราต้องเหน็ดเหนื่อยทรมานกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะความสะเพร่าของ ผู้นำที่"ปล่อยให้ลิงสร้างปัญหา แต่ลารับเคราะห์" ลาก็เหมือนกับคนที่ปฏิบัติงานได้ตามหน้าที่ แต่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงพูดจาตรงไปตรงมาแต่ไร้เล่ห์เหลี่ยม ลิงก็เหมือนกับคนที่ฉลาดแกมโกง พูดมากพรีเซ็นต์เก่ง อ้างอิงตำราได้สารพัดแต่ไม่เคยทำงานจริง นายที่ดีไม่ควรปล่อยให้ลิงหลงระเริงว่าทำผิดเท่าไหร่นายก็ไม่มีทางรู้

ผู้ เป็นนายไม่ควรยึดติดความสบาย นั่งขึ้นอืดรอฟังแต่รายงานในห้องประชุม รู้จักยอมเสียสละตนสละเวลาอีกเล็กน้อยเพื่อค้นหาความจริงเพื่อควบคุมเจ้าลิง เพราะไม่เช่นนั้น องค์กรก็จะทุกข์ทรมานอย่างไม่มีที่สิ้น

สุดถ้าลิงสงบได้องค์กรก็จะพลอยสบายและมีความสุขอย่างยั่งยืนไปด้วย
ที่มา www.bevernetwork.com

คติสอนใจจากไม้ขีดไฟอันเดียว (เรื่องเล่าจากอีเมล์)

ชีวิตคนเราอาจเปรียบได้กับไม้ขีดไฟ
ก้านไม้ขีดก็เหมือนกับเวลาชีวิตของเรา
เวลาชีวิตของเรา...หากมองจริง ๆ ก็แสนจะสั้นเหลือเกินเมื่อเรามีบางสิ่งบางอย่างทำ
บางคน...อาจมองว่าชีวิตของเรา ทำไมมันช่างแสนจะยาวนานนัก
เพราะนั่นคือการที่เรายังไม่ได้จุดไม้ขีดไฟ
เมื่อเกิดการเสียดสีกับกล่องไม้ขีดไฟก็จะลุกโชน
ในช่วงเวลาที่เราเริ่มจุดไม้ขีดนั้น
ไม้ขีดบางอันก็อาจจะลุกติดในทันที แต่บางอันก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะติดไฟ
ก็เปรียบเสมือนงานหรือจุดมุ่งหมายของเรา
บางคน...กว่าจะค้นหาเป้าหมายของตัวเองเจอก็ช่างนานแสนนาน
และเมื่อจะเริ่มทำเป้าหมายที่วางไว้ให้สำเร็จ...หัวไม้ขีดก็เก่าเสียแล้ว
จะจุดไม้ขีดก็ต้องยากเป็นธรรมดา
เมื่อไฟลุกติด...เมื่อเราเริ่มทำความฝันให้เป็นจริง ไฟก็จะมอด
ก้านไม้ขีด...เวลาแห่งชีวิต เวลาแห่งอิสระก็จะเริ่มสั้นลง ๆขณะที่ไฟลามไปยังก้านไม้ขีด
บางอันอาจจะช้า บางอันอาจจะเร็วก็ขึ้นอยู่กับสิ่งต่าง ๆ
ตอนที่ไฟลุกอยู่...อาจจะมีลมแรงพัดผ่านเข้ามา อาจจะมีฝนตก ไฟก็อาจจะดับได้
เมื่อลุกมาถึงกลางไม้ขีดแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่ไฟจะกลับมาลุกโชนอีกครั้งได้ง่าย ๆ
ก็จำเป็นต้องพึ่งไม้ขีดอีกอัน พึ่งเพื่อนรักของเรา มาประคองไฟให้ลุกใหม่อีกครั้ง
เมื่อจุดหมายของเราใกล้จะประสบความสำเร็จ ก้านไม้ขีดที่เหลือก็มีอยู่น้อยเต็มที่แล้ว
แต่เมื่อใดที่ไฟสุดท้ายของไม้ขีดดับมอดลง เมื่อวาระสุดท้ายของคนเรามาถึงก็จำเป็นที่จะต้องจากไป
แต่ประโยชน์ที่เราสร้างไว้ จุดหมายที่ประสบความสำเร็จ ไฟที่สร้างความสว่างไสวเอาไว้
แม้จะเป็นเพียงไฟดวงเล็ก ๆ แต่ก็ได้สร้างประโยชน์เอาไว้ให้แก่คนรอบข้างและบางที
ก้านไม้ขีดไฟอันนี้...ก็อาจนำไปเพื่อจุดกองไฟกองโต
เพื่อความสว่างไสวและอบอุ่นของคนมากมาย...ตลอดคืน
ในทางกลับกัน...บางคนอาจกล่าวว่า
ถ้าเราไม่จุดไฟ...เราก็มีก้านไม้ขีดที่เหลือมากมายเหลือเฟือ
แต่ถ้าหากเราปล่อยก้านไม้ขีดเอาไว้อย่างนั้น
นานวันเข้า...นานวันเข้า
ก้านไม้ขีดก็จะจุดติดยากหรืออาจจะไม่ติด
พอถึงวันนั้น
คนทีจะใช้ไม้ขีดก็คงจะทำอะไรไม่ได้...นอกจากจะต้องทิ้งไม้ขีดไฟก้านนั้นทิ้งไป

เปลี่ยนคำด่าเป็น "กำลังใจ"

1.โดนด่าว่าควาย
หมายถึง เขากำลังยกย่องว่าเราเป็นคนขยัน อดทน
เพราะควายขยัน อดทนไม่ค่อยมีปรากฏว่าควายแอบหลบงานไปนั่งเล่น แอบงีบ หรือไปจีบควายสาว
ดังนั้นต่อไปเวลาเวลาใครเรียกคุณว่า "ควาย" กรุณายิ้มรับแล้วตอบเขาไปว่า "ขอบคุณ
ครับ/ค่ะคุณก็เช่นกัน"

2.โดนแจกของลับ
แสดง ถึง การให้ความเคารพรักอย่างสูงสุดของผู้ให้ที่มีต่อผู้รับ จึงได้ให้ของสำคัญเท่าชีวิตแก่เรา ดังนั้นใครแจกให้คุณก็ขอบคุณเขาไป ไม่เป็นไรให้เขาเก็บไว้
ใช้เองเพราะเรามีอยู่แล้วหรือไม่ก็กำลังหามาไว้เป็นของตัวเองอยู่

3.โดนไล่ไปตาย โลกปัจจุบันน่าอยู่ที่ไหน
อยู่ไปก็ไม่ปลอดภัย ใครไล่ไปตายแสดงว่าเขาห่วงใยในสวัสดิภาพของเราไม่อยากให้
ผจญภัยกับความทุกข์ระทมอันมากมาก เราจึงควรแสดงความห่วงใยเขาบ้างเช่นกันว่า "ไม่เป็นไรเชิญพี่ก่อนเถอะ"

4.โดนด่าว่าสัตว์
คำเต็มของมันคือ "ผู้ประเสริฐดุจพระโพธิสัตว์" เป็นเวอร์ชั่นรีบๆย่อๆเลยเหลือ
แค่ "สัตว์" แต่ไม่เป็นไรเราเข้าใจในเจตนาดีของเขายิ้มรับกันดีกว่า
ยิ้มรับ เขาจะได้รู้ว่าเรายิ้มสวย(เกี่ยวไหม?)

5.โดนกล่าวถึงบุพการี
แสดงว่า เขาเคารพบิดามารดาเราเหมือนบิดามารดาของเขาเอง จึงกล่าวเพื่อระลึกถึง
หรือว่าเขากำลังคิดถึงบิดามารดาเขา เพราะว่าพวกท่านต่างตรอมใจตายไปหมดแล้ว(เนื่อง
จากมีอภิชาติบุตรซาตานอย่างเขา/มันหรือแกนั่นแหละ)

6.โดนด่าว่าบ้า
ก็ว่าคนบ้ามักมีจินตนาการสูงส่งยิ่งกว่าคนธรรมดาหลายเท่า แถมยังอารมณ์ดีหัวเราะได้ทั้งวัน
เขาด่าว่าบ้าเป็นการชื่นชมในความฉลาดหลักแหลม เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์
และเป็นคนมีอารมณ์ขันของเรา ซึ่งทั้งหมดนี้แน่นอนว่าเขาย่อมทำไม่ได้อย่างเรา

7.โดนเรียกว่าไอ้ห่า สมัยก่อนเชื้อห่า
ใครเป็นก็ตายโอกาสรอดมีต่ำมาก แต่ปัจจุบันนี้การแพทย์เจริญก้าวหน้า
เป็นได้ก็หายได้การด่าว่า "ไอ้ห่า" จึงหมายถึงว่าจะต้องเจอเรื่องแย่ๆแต่ก็รักษา
ได้แน่นอนนับว่าเป็นการอวยพรที่เป็นมงคลยิ่งดีกว่าด่าว่า "ไอ้ไข้หวัดนก" เป็นไหนๆ

เห็นไหมว่าคำด่านั้นคิดให้ดีก็เป็นเรื่องที่ดีได้ที่เราโกรธเวลาถูกด่าก็เพราะ
เรามองแต่มุมร้ายๆต่างหาก ลองมองในแง่บวกสิคุณจะชอบคำด่า
เอ้ย!ไม่ใช่แล้วคุณจะมีความสุข

ขอขอบคุณ - Forward Mail

ข้อคิดจากถังน้ำสองใบ

ข้อคิดจากถังน้ำสองใบ

ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร
ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ
และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง...แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล
จากลำธารกลับสู่บ้าน....จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำ
กลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง....ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ
ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง ...ขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง
มันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา

หลังจากเวลา 2 ปี… ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่น
วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า "ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะ
รอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้าที่ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทาง ที่กลับไปยังบ้านของท่าน"

คนตักน้ำตอบว่า "เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า...
แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่งเพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่....

ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้าและทุกวันที่เราเดินกลับ...
เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเล็ดพันธุ์เหล่านั้น
เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว
ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว..เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้"

คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง...
แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น
อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้....
สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น..
และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง

มองโลกหลาย ๆ ด้าน คนเราไม่ได้มีแต่ข้อเสียเท่านั้น

ที่มา www.bervernetwork.com

7 ข้อแห่งการเลิกกัน

1. ต่อมรับรู้อารมณ์ "เสื่อม"
ผู้ชาย ชอบยึดมั่นว่า ตัวเองนั้นเป็นเพศที่ใช้เหตุผล มากกว่าอารมณ์ จึงเห็นว่า การแสดงอารมณ์ของผู้หญิงไม่ว่า จะเป็นอาการน้อยใจ หึง โกรธ คิดมากนั้น เป็นเรื่องไร้สาระ จึงทำตัวเฉยเสีย ไม่สนใจ คิดไปเองว่า เป็นได้ ก็หายเอง ... อ้าว ! คุณคะ ถ้าเค้าไม่รักคุณ เค้าจะน้อยใจ จะหึง จะโกรธคุณเหรอคะ ... ระวังนะคะ ถ้าแฟนสาวของคุณเริ่มมีอาการ เฉยๆ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ยิ้ม รับง่าย ๆ ไม่ว่าคุณจะไปทางไหนล่ะก้อ ขอให้รับทราบได้เลยว่า เจ้าหล่อนหมดรักคุณไปเรียบร้อยแล้วค่ะ

2. ต่อมเสมอต้นเสมอปลาย "วาย"
ตอน จีบใหม่ ๆ เอาใจสารพัด เช้าถึง เย็นถึง จะทำอะไร จะไปไหนเนี่ย "อย่าลืมทานข้าวนะจ๊ะ" ... "อย่านอนดึกนะจ๊ะ" ... จะหันไปทางไหน ตามพันแข้งพันขา เรียกได้ว่า เป็นช่วงทองของคุณผู้หญิงเลยนะคะ เพราะหลังจากที่คุณตกลงปลงใจกับพ่อหนุ่มตัวดีเรียบร้ อยแล้ว ขอให้พึงสังวรได้เลยว่า จะไม่ได้รับการปฏิบัติหรือ เอาใจเยี่ยงนี้อีกแล้ว เพราะต่อมความเสมอต้นเสมอปลายของพ่อตัวดีนั้น วาย ไปซะแล้ว

3. เริ่มแสวงหา "งู" มาเป็นสัตว์เลี้ยง
ก็ เข้าใจนะคะว่า อาการเจ้าชู้ กับ ผู้ชายน่ะเป็นของคู่กัน แหม ... อยากให้เราปลง ทีเราหึง ซึ่งเป็นอาการปกติของผู้หญิง ก็มาว่าเราไร้สาระ ... อดไม่ได้หรอกค่ะ ช่วงเดือนแรก ไปไหนมาไหน กินอะไร นั่งมองแต่เรา จนเราเขิลลลล ... แต่นาน ๆ ไปชัก สอดส่ายสายตาไปทั่ว ถ้าไม่เรียกให้รู้สึกตัว ก็มองตามไปนู่น แม่สาวสายเดี่ยวที่เพิ่งเดินสวนกันไป นี่มันอะไรกันจ๊ะ ไหนว่าไม่อยากให้หึง แล้วทำตัวหัวงูทำไม ?

4. ต่อมวิเคระห์เหตุผล ผิดปกติ
ไม่ รู้ไปฝังหัวความเชื่อกันมาจากไหนกันว่า "ผู้ชายชอบใช้เหตุผล ผู้หญิงชอบใช้อารมณ์" ยันกันได้เลย ดิฉันว่า เหตุผลที่พวกผู้ชายเค้าว่า ก็แค่ เหตุผลที่เค้าคิดขึ้นมาเองมากกว่า ยกตัวอย่างง่าย ๆ ผู้หญิงซื้อเสื้อผ้า ก็ว่า ... ไร้สาระ อ้าว !! ที่พวกคุณบ้า กอล์ฟ คอมพิวเตอร์ รถกระป๋อง นั้น มีสาระมาก ๆ ล่ะสิคะ คิดว่าคุณผู้หญิงบางท่าน บางครั้งต้องเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องถามตัวเองว่า เอ๋ ?? นี่ชั้นไร้เหตุผล หรือ เค้าไร้สาระกันแน่นะ ทำไมล่ะคะ ต่างตนต่างมีงานอดิเรกที่ชอบ มีสิ่งที่ทำแล้วสบายใจ การที่คุณจะตีค่าว่า สิ่งที่อีกคนนั้นเป็นสิ่งไร้สาระนั้น ไม่แสดงว่าคุณใจแคบไปหน่อยเหรอคะ ถ้าคุณผู้ชายทั้งหลายคิดว่าตัวเองเป็นเพศที่มีเหตุผล แล้วไซร้ ดิฉันว่าน่าจะลองคิดตริตรอง และเปิดใจกว้างกว่านี้อีกสักนิด .. จะน่ารักมาก ๆ

5. ชอบวางอำนาจ ใจร้อน
สงสัยจะเข้าใจคำว่า "ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง" ผิด ... จึงได้ชอบออกคำสั่ง ผมต้องเป็นผู้นำ สิ่งที่ผมคิดเนี่ย ถูกที่สุดแล้ว !! เอ๋ ?? เข้าใจไรผิดไปเปล่าคะ (O_o) สำนวนข้างต้นเนี่ย มาจากธรรมชาติของช้างที่ว่า เวลาเดิน ช้างจะยกเท้าหลังก่อน แล้วเท้าหน้าจึงก้าว ... ดังนั้นโบราณเค้าหมายความว่า ผู้หญิงน่ะ เป็นผู้นำ เจ้าค่ะ มีอะไรต้องฝังเพศแม่บ้าง เพศหญิงเนี่ย เป็นเพศที่มีความละเอียด รอบคอบ ค่อยคิดค่อยทำ ไม่บ้าเลือด นี่ไงล่ะคะ ผลสำรวจถึงได้ว่า ผู้หญิงอายุยืนกว่าผู้ชาย ก็ผู้ชายน่ะใจร้อน บางครั้งเลยเอาปากไปแหย่เท้า ผู้มีอำนาจ เลยซี้ม่องไปซะก่อนวัยอันควร ผู้หญิงเราบางครั้งก็ระอากับ อาการใจร้อน ยอมไม่ได้ของคุณ ๆ เหมือนกันนะคะ ... ขอบอก

6. ลำเอียง เข้าข้างตัวเอง
คิด ว่าข้าเก่ง ... ข้าแน่ ... ผู้ชายชอบคิดเข้าข้างว่าตัวเอง เก่ง เจ๋ง ... แหม ไม่อยากจะพูดก็ต้องพูด เบื้องหลังความสำเร็จของผู้ชายหลายคนเนี่ย มาจากการมีคู่คิด คู่เคียงที่ดีนะเจ้าคะ แต่ด้วยความเป็นผู้หญิง ก็ไม่อยากจะล้ำหน้า เดี๋ยวจะโดนใบแดงออกจากสนาม ... ก็ได้แต่ เป็นผู้สนับสนุน ปิดทองหลังพระ โดยไม่มีใครรู้ ... จนบางครั้งทำให้พวกหนุ่ม ๆ ลืมตัวไปว่า กว่าจะมีวันนี้ เพราะมีใครคอยช่วยหนุนหลัง คอยเป็นกำลังใจ ข้าได้ดี เพราะข้าเองนี่แหละ อันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง ...

สมัยที่ บิล คลินตัน ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อครั้งไปเยี่ยมประชาชนที่รัฐๆ หนึ่ง ขณะนั่งในรถและกำลังเดินทางกลับ ก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ยืนโบกมือให้ และภรรยาของเขา ฮิลลารี่ คลินตัน ได้โบกมือตอบ จึงถามไปว่า
บิล : นั่นใคร ?
ฮิลลารี่ : อ๋อ แฟนเก่าชั้นเอง เค้าเป็นเจ้าของฟาร์ม อยู่ที่นี่
บิล : (หัวเราะ) นี่ถ้าคุณตกลงแต่งงานไปกับเค้า ตอนนี้คุณก็คงได้เป็นแค่ เมียเจ้าของฟาร์มล่ะสิ
ฮิลลารี่ : ไม่หรอก ถ้าชั้นแต่งงานกับเค้า ประเทศเราจะมีประธานาธิบดี ที่อดียเคยเป็นเจ้าของฟาร์มต่างหาก
บิล : !!???!!??!!

ว่า กันว่า ผู้นำหลายคนในโลกนี้ ล้วนประสบความสำเร็จได้ เนื่องจากมีผู้หญิงเป็นแรงหนุนที่ดี แต่สงสัยว่าบรรดาคุณผู้หญิงเหล่านี้ จะเห็นว่า บรรดาผู้ชายล้วนหลงตัวเอง และไม่เห็นบุญคุณ สมัยนี้เราจึงเห็น ผู้หญิง หลายคนก้าวขึ้นมามีบทบาทในตำแหน่งผู้นำกันเอง ไม่ว่า จะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือ ผู้นำประเทศก็ตาม

7. ต่อมรัก "เพื่อน" แตก !!
ประการ ที่ 7 นี้เป็นสิ่งที่คุณผู้หญิงทั้งหลายต่างทราบกันดี ว่าผู้ชายของเรานั้น ล้วนรักเพื่อนมากมายขนาดไหน แล้วจะไม่ให้เราเบื่อได้ไงล่ะคะ ก็นัดเราอยู่ดี ๆ พอเพื่อนโทรมา กลับเลื่อนนัดเราซะได้ หรือไม่เวลาเราชวนไปไหน บอกไม่ว่างร่ำไป แต่พอเพื่อนโทรมากริ๊งเดียว ถึงกับแล่นออกไปในทันที ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ขนาดนี้ ทีหลังก็ให้เพื่อนนั่นแหละค่ะ มาพัดมาวี มาเอาอกเอาใจแทนแล้วกัน แหม ... พูดแล้วหงุดหงิดใจ

เอาแค่เบาะ ๆ แค่ 7 ข้อแล้วกันนะคะ เพราะเค้าว่าพูดหญิงน่าเบื่อแค่ 7 ข้อ เราก็เบื่อคุณผู้ชายแค่ 7 ข้อ พอหอมปากหอมคอ อย่าเคืองกันแล้วกันนะ...พ่อคุณ ไหน ๆ คุณก็ว่าพวกเราว่า ขี้บ่น อยู่แล้วนี่นา บ่นแค่นี้ก็อย่าถือเลย ถือว่าเป็นแค่อารมณ์เล็ก ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งแล้วกันจ๊ะ

ที่มา www.bevernetwork.com

18 มีนาคม 2552

เทคนิคการเล่นกีต้าร์By Ipupza

สเตปที่1หัดจับคอร์ดและตีคอร์ดเรารียกว่า(pickking and rytem)
นะครับเช่นจับอร์ดCตี4ที(ที่ให้ตี4ทีเพราะ1ห้องมี4จังหวะ)
แล้วเปลี่ยนเป็นAm(ตีคอร์ด4ทีเช่นกัน)
แล้วเปลี่ยนเป็นDm(ตีคอร์ด4ที)
แล้วเปลียนเป้ฯคอร์ดG(ตีคอร์ด4ที)
แล้วเปลี่ยนเป็นคอร์ดBm(ตีคอร์ด4ที)
แล้วเปลี่ยนเป็นคอร์ดF(ตีคอร์ด4ที)
แล้วเปลี่ยนไปคอร์ดE(ตีคอร์ด4ทีแล้ววนไปC)
หัดจนกว่าชำนาญ
แล้วจำไว้ว่าเยงโน้ตของแต่ละคอร์ดคือ
C=โด
D=เร
E=มี
F=ฟา
G=ซอล
A=ลา
B=ที

สเตป2การเกา
การเกาจำไว้ว่าเมื่อคุณจับคอร์ดคร่องเเล้วการเกาไม่ใช่เรื่องยากเลย
ขั้นเเรกเราจะลองให้คุณลองเกา4คอร์ดพื้นฐานเลย
C/AM/F/G
C=5-2-3-1-2-1
Am=5-2-3-1-2-1
F=5-2-3-1-2-1
G=5-2-3-1-2-1
ก็อาจคุ้นๆๆว่าเพลงไรที่ผมสอนไปนี้คือเพลง ละครรักแท้ ของแคลชalbum emotion เกาง่ายมากๆนะครับฏ้ลองเล่นดูนะ

เเละสเตป3 คอร์ดRock
เฟส 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
สาย6 /F/F#/G/G#/A/Bb/B/C/C#/D/Eb/E
เฟส 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
สาย5 /Bb/B/C/C#/D/Eb/E/F/F#/G/G#/A
เฟส 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
สาย4 /Eb/E/F/F#/G/G#/A/Bb/B/C/C#/D
เฟส 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
สาย3 /G#/A/Bb/B/C/C#/D/Eb/E/F/F#/G
เฟส 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
สาย2 /C/C#/D/D#/E/F/F#/G/G#/A/Bb/B
เฟส 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
สาย1 /F/F#/G/G#/A/Bb/B/C/C#/D/Eb/E

เทคนิคการจับการเล่นคอร์ดrockส่วนใหญ่อยูที่สาย6-5-4
เพระฉะนั้นคอร์ดGจับที่สาย6บาร์3สาย5บาร์5
ถ้ารูปแท้ปก้คือ
6/----3-----
5/------5----
4/------------
3/------------
2/------------
1/-------------
และก็การตีคอร์คRockห้ามตีกระเเทกตีค่อยพอเสียงออกและก้เล่นให้เอามือบล้อคสายที่ไม่จับไว้



คอร์ด
คอร์ด หมายถึง ตัวโน้ตตั้งแต่สามตัวขึ้นไปรวมกันเรียกว่า คอร์ด ชื่อคอร์ดเรียกตามชื่อตัวโน้ต Root หรือตัวหลักของบันได้เสียง ไม่ว่าจะเป็นคอร์ด เมเจอร์ ( Major Chord ) หรือ ไมเนอร์ ( Minor Chord ) หรือคอร์ดอื่น ๆ ก็ต้องใช้บันไดเสียง เมเจอร์ ( Major ) เป็นหลักในการคิดคำนวนหารูปคอร์ดนั้น ๆ

รูปแบบของคอร์ดในขั้นพื้นฐาน มี 4 ชนิดคือ

- คอร์ดเมเจอร์ ( Major Chord )

- คอร์ดไมเนอร์ ( Minor Chord )

- คอร์ดดิมินิช ( Diminished Chord )

- คอร์ดอ๊อกเมนเต็ด ( Augmented Chord )

จึงขอยกตัวอย่างคอร์ดพื้นฐานทั้ง 4 ชนิด เพื่อเป็นแนวทาง หรือชี้นำ ในการศึกษาโครงสร้างของคอร์ดอื่น ๆ ต่อไป

- โครงสร้าง คอร์ดเมเจอร์ ( Major Chord ) คือ ตัวที่ 1 - 3 - 5 และเมื่อเราต้องการ

หาคอร์ดต่างๆที่เป็นเมเจอร์ ( Major Chord ) เช่น คอร์ด C เมเจอร์ ตัวโน้ตที่อยู่ใน

กลุ่มคอร์ด C คือ C - E - G

- คอร์ดไมเนอร์ ( Minor Chord ) คือ 1 - 3b - 5 เช่น คอร์ด Cm ตัวโน้ตที่อยู่ใน

กลุ่มคอร์ด Cm คือ C - Eb - G

- โครงสร้างคอร์ดดิมินิช ( Diminished Chord ) 8nv 1 - 3b - 5b เช่น คอร์ด C Dim

ตัวโน้ตที่อยู่ในกลุ่มคอร์ด C Dim คือ C - Eb - Gb

- โครงสร้าง คอร์ดอ๊อกเมนเต็ด ( Augmented Chord ) คือ 1 - 3 - 5# เช่น คอร์ด

Caug ตัวโน้ตที่อยู่ในกลุ่มคอร์ด คือ C - E - G#

และ เมื่อเราต้องการหาตัวโน้ตในกลุ่มคอร์ดใด ๆ เราก็สามารถใช้หลักโครงสร้างคอร์ดเหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นคอร์ดดอนมิแนนท์ 7 ( Dominant 7 th Chord ) หรือคอร์ดอื่น ๆ ฯลฯ ก็ใช้หลักการเดียวกัน




แหล่งอ้างอิง : วิชัย โพธิทองคำ, คู่มือดนตรี คอร์ด โครงสร้างและแบบฝึกหัด



วีธีการตั้งสายแบบต่างๆๆ

การตั้งสายแบบมาตราฐานจะมี
1/E
2/B
3/G
4/D
5/A
6/E
นี่คือการตั้งสายแบบมาตราฐาน
มันจะมีการตั้งสายแบบอื่นอีกเช่น Tune down เศษ1ส่วน2 step
1/Eb
2/Bb
3/F#
4/C#
5/G#
6/Eb

การตั้งแบบ Tune Down 1 step
1/D
2/A
3/F
4/C
5/G
6/D

การตั้งแบบเล่นสายเปิดแบบมาตราฐาน
1/E
2/B
3/G
4/D
5/A
6/D
การจูนสายแบบบนี้สาย6ลดเสียงไปแค่นั้นเองครับ

การตั้งสายเปิดแบบครึ่งเสียง
1/Eb
2/Bb
3/F#
4/C#
5/G#
6/C#

ว่าด้วยเรื่องกลุ่มคอร์ด

กลุ่มคอร์ด C จะประกอบไปด้วย

C Am Dm7 G7

กลุ่มคอร์ด D จะประกอบไปด้วย

D Bm Ebm7 G#7

กลุ่มคอร์ด E จะประกอบไปด้วย

E C#m F#m7 B7

กลุ่มคอร์ด F จะประกอบไปด้วย

F Dm Gm7 C7

กลุ่มคอร์ด G จะประกอบไปด้วย

G Em Am7 D7

กลุ่มคอร์ด A จะประกอบไปด้วย

A F#m Bm7 E7

กลุ่มคอร์ด B จะประกอบไปด้วย

B G#m C#m7 F#7

ที่มา www.bevernetwork.com

"กฎทองของหมา" ( The Dogs 10 Commandments )

( 1 ) ชีวิตของฉันอย่างมาก ก็จะสิ้นสุดเพียงแค่ 10-15 ปีเท่านั้น การต้องแยกจากเธอไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ นับเป็นความปวดร้าวอย่างยิ่งของฉัน จึงโปรดสังวรให้จงหนัก..ก่อนจะรับฉันเข้ามาในชีวิต

( 2 ) ให้เวลากับฉันสักหน่อย เพื่อทำความเข้าใจให้ชัดเจน ว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน

( 3 ) จงเชื่อมั่นในตัวฉัน เพราะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับความเป็นอยู่ของฉัน

( 4 ) อย่าโกรธฉันให้นานนัก และอย่าลงโทษฉันด้วยการกักขัง เธอมีทั้งหน้าที่การงาน ความบันเทิง และมิตรสหาย แต่ฉันนั้น.....มีเพียงเธอ

( 5 ) พูดกับฉันบ้าง แม้ฉันจะไม่เข้าใจคำพูด แต่ฉันก็เข้าใจเธอได้จากน้ำเสียง

( 6 ) พึงระลึกอยู่เสมอว่า... ไม่ว่าเธอจะปฏิบัติอย่างไรต่อฉัน ฉันจะไม่มีวันลืมเลือนเลย

( 7 ) โปรดอย่าทุบตีฉัน เพราะแม้ฉันจะทุบตีเธอกลับไม่ได้ แต่ฉันก็สามารถกัดหรือข่วนตะกุยเธอได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากกระทำเลย

( 8 ) ก่อนจะดุด่าฉันสำหรับท่าทีที่คล้ายไม่เชื่อฟัง ดื้อดึง เกียจคร้าน ขอจงได้ถามตัวเธอเองก่อนว่า เกิดสิ่งผิดปกติกับตัวฉันหรือไม่ บางทีอาจจะมาจากเรื่องของอาหาร หรือถูกทิ้งไว้กลางแดดนานเกินไป หรือหัวใจของฉันแก่ชราและอ่อนล้าเสียแล้ว

( 9 ) ดูแลฉันเมื่อยามแก่เฒ่าด้วย เพราะวันหนึ่งเธอก็ต้องเป็นเช่นนั้น

( 10 ) อยู่กับฉันเมื่อช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตมาถึง ขออย่าได้พูดเป็นอันขาดว่า " ฉันทนดูไม่ได้ขออย่าให้มันเกิดขึ้นต่อหน้าเลย " เพราะเรื่องราวทั้งหมดจะง่ายขึ้นหาก...เธออยู่ด้วย


อ่านแล้วคุณรักหมาของคุณมากขึ้นรึเปล่าT^T

โรค Sleep Paralysis หรือ โรคผีอำ ที่หลายๆคนเคยเจอฮะ

โรค Sleep Paralysis หรือ ผีอำ

Sleep Paralysis คืออาการที่จิตเราตื่นขึ้นมา และพบว่าร่างกายไม่สามารถขยับได้
หรือเรียกว่าอยู่ในระยะ Paralyzed State ระยะอัมพาต (แปลน่ากลัวไปมั้ย -*-)

อาการนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวมากทีเดียว และคนส่วนใหญ่ก็จะตระหนกเมื่อประสบเหตุการณ์เช่นนี้

แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อร่างกาย อาการนี้ส่วนใหญ่จะอยู่แค่ สองสามนาที และในกรณีส่วนใหญ่
อาการนี้ก็จะหายไปโดยเสียงหรือการสัมผัสร่างกาย

Sleep Paralysis แบ่งเป็น2ประเภทคือ
1. The common sleep Paralysis
2. The Hallucinatory Sleep paralysis ข้อแตกต่างระหว่างสองประเภทนี้ก็คือ Hypnogogic State (ระยะที่อยู่ระหว่างตื่นและหลับ)

1.The common sleep Paralysis (ส่วนใหญ่เกิดในช่วง REM state)
เกิด เมื่อร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายขยับไม่ได้ เพื่อไม่ให้ร่างกายขยับตามความฝัน เพื่อลดโอกาสที่จะทำให้ร่างกายได้รับอันตรายระหว่างหลับ ฮอร์โมนนี้จะหมดไปก่อนที่ฝันจะจบ และบุคคลนั้นก็จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับ อวัยวะทุกอย่างที่ใช้งานได้อย่างปกติ

สำหรับ คนที่เป็น Sleep Paralysis ก็เพราะ ฮอร์โมนที่ว่านั้นยังคงยับยั้งการทำงานของร่างกายอยู่ และเมื่อคนนั้นตื่นมาก็จะพบว่าร่างกายขยับไม่ได้ชั่วคราว และไม่รู้สาเหตุว่าทำไม

The common sleep Paralysis จะอยู่ไม่เกิน 1 นาที หรืออาจนานกว่านั้นนิดหน่อย

2. The Hallucinatory Sleep paralysis คือ
ไม่สามารถขยับได้ระหว่างหลับ และมีอาการเห็นภาพหลอนเกิดขึ้น ช่วงนี้คนผู้นั้นจะรู้สึกเหมือนว่ามีบางคน
อยู่ ในห้องกะเขา (ส่วนใหญ่ก็จะเป็น ปีศาจ หรืออะไรที่น่ากลัวๆปรากฏให้เห็น หรือยิ่งไปกว่านั้นก็รู้สึกเหมือนมีอะไรนั่งอยู่บนตัว และรู้สึกเหมือนว่าตนหายใจไม่ออก หรือจะตาย) ประสบการณ์นี้ทำให้ผู้ประสบกังวล และกลัว แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด

The Hallucinatory Sleep paralysis ต่างจาก The common sleep Paralysis
เพราะ The Hallucinatory Sleep paralysis อยู่ได้นานถึง 8 นาที
และก่อให้เกิดอาการประสาทหลอน

วิธีหลีกเลี่ยง มีดังนี้
- นอนเยอะๆ
- หลีกเลี่ยงการนอนหงาย
- พยายามนอนให้เป็นเวลาไม่ใช่วันนี้นอน 2 ทุ่ม อีกวันนอนตีสอง -*-
- อย่าเครียด
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- กินอาการที่มีประโยชน์


PART II อาการ

เราจะเพิ่มเรื่อง Hypnagogic sensations ความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น
เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกะ Sleep Paralysis

Hypnagogic sensations เป็นประสบการณ์ที่เหมือนฝัน เกิดเมื่อเรากำลงัจะหลับ หรือ
กำลังตื่น และถ้าเกิดพร้อมกะ Sleep paralysis ด้วยแล้ว จะยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก T_T

รูปแบบของความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่นนี้ แต่ละคนก็มีอาการต่างกันไป เราจะบอกเฉพาะอาการนะคะ สาเหตุขี้เกียจแปลอะ ศัพท์ยาก T_T

อาการที่พบบ่อยมากสุด
- Vividness
- Falling Sensation
- กลัว

อาการปกติ
- รู้สึกว่ามีบางอย่างปรากฏขึ้น (ส่วนใหญ่จะมุ่งร้าย)
- มีแรงกดทับบนร่างกาย (ส่วนใหญ่บนหน้าอก หรือหลัง)
- มีความรู้สึกว่า ไม่สามารถหายใจได้
- รู้สึกว่าใกล้ตาย

อาการที่พบเห็นปานกลาง
- ความรู้สึกด้านการฟัง (เสียงเท้าเดิน หรือเสียงที่ไม่ชัดเจน หรือเสียงเป็นจังหวะ)
- ความรู้สึกด้านการเห็น อย่างเช่น แสง ผู้คน หรือเงาเคลื่อนที่ไปรอบห้อง

อาการที่พบเห็นน้อย
- ความรู้สึกว่าตัวลอย
- Seamless transition into fully immersive lucid dreaming
- ความรู้สึกทางด้านสัมผัส เช่น มีมือมาแตะ หรือจับ

อาการที่พบเจอยาก
- สั่น
- การเคลื่อนไหวโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น ลื่นหล่นจากเตียง หรือกำแพง
- รู้สึกว่าถูกดึงในทิศทางต่างๆไป

มาจาก - http://en.wikipedia.org/wiki/Hypnagogia

Cradit: rukia www.loveberryz.net

ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี!!!

ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี!!!
Fwd mail ......
Mar 12,2009

่ช่ วงนี้หน้าหนาวก็ผ่านไปแล้ว และเข้าสู่หน้าร้อนอย่างเต็มรูปแบบ ช่วงเวลาที่อยู่ที่ office ก็เย็นสบายคับ แต่พอต้องออกจาก office ไปกินข้าวหรือไปไหนก็ตาม .. อากาศภายนอกนั้น แทบจะเรียกได้เลยว่า ร้อนมากกก ยิ่งมีข่าวออกมาว่า แดดช่วงเวลา 10 โมงเช้า ถึง บ่าย 3 หากโดนแดดเป็นเวลานานๆ อาจจะทำให้เป็นมะเร็งผิวหนัง ได้เนี่ยะ ยิ่งทำให้กลัวเข้าไปใหญ่ … ไงก็ระวังๆ กันหน่อยแล้วกันนะคับ

นอกเรื่องมาเยอะแล้ว … วันนี้ได้รับ FW Mail เกี่ยวกับ การดื่มน้ำให้ถูกวิธี .. ลองไปดูรายละเอียดกันคับ..
ps. อาจจะยาวสักหน่อย แต่อยากให้ลองอ่านกันดูนะคับ… เริ่มกันเลยยย


เพื่อนๆคิดว่าสุดยอดของการเป็นหมออยู่ที่ไหนครับ
รักษาโรคยากๆได้? ยื้อชีวิตของคนที่จะจากเราไปให้อยู่แม้เพียงเฮือกหนึ่ง? ถวายตัวอยู่กับคนไข้ตลอด 24 ชม.?
เคย อ่านนิยายกำลังภายในกันไหมครับ เป็นหนึ่งในงานวรรณกรรมที่ผมชอบมากเลยครับ โดยเฉพาะเวลาฉากที่กำลังจะต่อสู้กัน ถ้าสนใจจะเริ่มอ่านขอแนะนำฤทธิ์มีดสั้นของโกวเล้งครับ

“มีดสั้นในมือ ของลี้คิมฮวงนั้นหากปล่อยออกจากมือไม่เคยพลาดเป้ามาก่อน” เพียงแค่คำเล่าลือนี้ก็สามารถสะกดศิษย์วัดเสี้ยวลิ่มยี้แปดร้อยคนที่โอบล้อม เขาไว้ให้ไม่กล้าแม้กระทั่งผ่อนลมหายใจ ลี้คิมฮวงเพียงแค่ถือมีดไว้ในมือเล่มเดียวทว่าชนะตั้งแต่ยังไม่ทันได้ออก กระบวนท่าเสียด้วยซ้ำครับ

ที่ร่ายมานี้เพียงเพื่อที่จะบอกว่ายอด ฝีมือสามารถช่วงชิงชัยได้โดยไม่แม้แต่ ออกกระบวนท่า เป็นชัยชนะที่ไม่ต้องเปลืองแรงเลยสักนิด แต่กว่าจะมีความสำเร็จถึงขั้นนี้ได้ต้องมีการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน ใช่เพียงหัดเล่นๆชั่วค่ำคืน นี่แหละครับที่ทำให้ผมคิดว่าสุดยอดของการเป็นหมอคือการไม่ต้องรักษาคนไข้ ครับ ไม่จำเป็นต้องใช้มีดผ่าตัด จับชีพจร ฝังเข็มหรือว่าจ่ายยา รักษาโรคโดยไม่ต้องออกกระบวนท่าใดๆ หรือก็คือการป้องกันก่อนเกิดโรคนั่นเอง

ที่ จะเน้นให้เห็นก็คือ การรักษาโรคที่เกิดขึ้นโดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของคนไข้ เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ ต่อให้เป็นหมอจีนที่พยายามปรับร่างกายแบบองค์รวมก็เถอะ เพราะเมื่อเรารักษาคนไข้จนหายโดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของคนไข้นั้น เชื่อได้เลยครับว่าเดี๋ยวเราก็จะได้เจอกันอีก และหนึ่งในพฤติกรรมที่ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือเรื่องของการดื่ม น้ำนี่แหละครับ

ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ
1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น

เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของตัวเองหรือยังครับ
.
.
ข้อ หนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีคุณและมีโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน

ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน

น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรา มาจากน้ำ และอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว1000 มิลลิลิตร หรือ 1ลิตร ต่อวัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว (แก้วละ 200 มล.) แต่ ทังนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะ เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

สูตรคือ (น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้
ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ

ถ้า เราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90%ทำมาจากน้ำก็จะเดินไม่สะดวก ร่างกายก็จะทั้งขับของเสียยาก ขณะเดียวกันสารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือนก็แหงละครับ น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ

ข้อสาม อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้าม สำหรับร่างกาย กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิด เป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่าหมักหมมอยู่ในกระเพาะและลำไส้ ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆจน กว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา เพราะฉะนั้นเราควรจะไม่ทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้ แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกันจนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว

ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ไหนใครที่ชอบทานข้าวไปจิบน้ำไปบ้างประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ยกมือขึ้น ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็น คืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้นเลือด เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ ตอน เช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อเป็นการขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ และอย่าดื่ม น้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไรกักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ

เหมือน ทำยาก แต่จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิดเช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำเพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ) หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ ได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะ มันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้าเลิกเบียร์กันไป แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก้สซิ พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ

นอก จากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม่ล้างปากทันที อีก ด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น มีสองเหตุผลครับ หนึ่งเพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหาร ยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่าง เพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย เหตุผลที่สองคือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี เกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน

มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม เครื่อง กรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้ แต่อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร อีกอย่างน้ำอัดลมน้ำเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ

พวกชา พร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณ มากผสมน้ำนำมาขาย แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่งชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ “กาแฟหอมนะหมอ” หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง

ครบห้าข้อแล้ว โอย เหนื่อย เอนทรี่นี้ยาวเป็นบ้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียน เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน 555 ว่าไปนั่น ที่เขียนมาให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บ อย่างที่บอกครับ หมอไม่อยากรักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง เพราะพวกผมไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่วข้ามคืน แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน สุขภาพที่ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ ได้ยามาทานแล้วหาย แต่เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง

ขอให้พวกเราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ

คำว่า แต่งงาน โดย นพ.สุกมล

ฮา...แต่น่าคิด
บทความโดย นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล / ภาควิชาจิตเวชศาสตร์
มหาวิทยาลัยสงขลา นครินทร์

ใน ฐานะผู้ชายดีๆ ที่หายากคนหนึ่ง ผมรู้สึกเห็นใจสตรีเพศจริงๆครับ…
ช่วง เวลาในการเลือกคู่ของเธอทั้งหลายช่างสั้นยิ่งนัก
พราะช่วง อายุขัยของวัยสาวเริ่มผลิบานเมื่อประมาณ 13 ปี
แล้ว มาสุดเขตแดนเมื่อวัยสามสิบ…
วัน เกิดครบรอบ 30 จึงเป็นตัวเลข! แห่งความสะเทือนขวัญ
ก่อ ให้เกิดความตื่นตระหนก…

หลาย คนไม่อยากพูดถึง คนอื่นก็ไม่ควรเอ่ยปากด้วย…
ถือ เป็นมารยาทสังคมอย่างหนึ่ง
ยก เว้นพวกมีวาจาเป็นอาวุธ ที่ชอบถามว่า
'ปา อะไรเอ่ยที่ผู้หญิงกลัวที่สุด '
เฉลย ' ปาเข้าไปสามสิบยัง ไม่มีผัว ' …
ใคร ดันถาม มันผู้นั้นสมควรตาย

ตอน เรียนหนังสือเป็นนักเรียนนักศึกษา คุณพ่อคุณแม่ก็สอนนักสอนหนาว่า
' อย่าริรักในวัยเรียน ' 'ตั้ง ใจเรียนหนังสือให้ดี จบแล้วค่อยมีแฟน '
ทั้งๆ ที่ไอ้ตอนเรียนหนังสือมีโอกาสพบปะเพศตรงข้ามมากหน้าหลายตา
ก็ หาได้สนใจไม่ เป็นคนประเภท ' รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรียน '
ทุ่ม เทชีวิตให้แก่การศึกษา…เมื่อเติบใหญ่เราจะ ได้มีวิชา
เป็น เครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน

หลัง จบการศึกษา ประกอบสัมมาอาชีวะ
ขณะ เดียวกันก็ใช้เวลาว่างเลือกสรร ควานหา ผู้จะมาเป็นเจ้าบ่าวในอนาคต
ตั้ง สเปกว่าต้องได้แฟนหนุ่มประเภทซูเปอร์เพอร์เฟค
อย่างวิลลี่ แมคอินทอชหรือจอห์นนี่ แอนโฟเน่ หรืออย่างน้อยๆ
ก็ ต้องมาดแมนแฮนซั่ม หล่อล่ำดำขรึม ถึงจะได้มาตรฐาน…
ไอ้ ประเภทหุ่นอัฟริกา หน้าติมอร์
อย่า ได้สะเออะหน้ามาให้เห็น…ไม่มีทางได้แอ้มหรอก

จาก วันเป็นเดือน - จากเดือนเป็นปี
ความ รักไม่มีวี่แววคืบหน้าแม้วันเวลา

ผ่าน ไป… เพราะที่ทำงานทั้ง ห้องมีผู้ชายอยู่แค่ 5 คน
เจ้า นายก็! มีเมียแล้ว… ไม่อยากตกเป็นภรรยา บุญธรรม
สอง คนดันเป็นเกย์… อีกคนยังลังเลอยู่ ว่าจะเป็นดีหรือเปล่า…
คน สุดท้ายเป็นชายแท้.... แต่กำลังถูกแย่งตัวระหว่างเกย์สองคนอยู่
ไม่ อยากเข้าไปเป็นมือที่สาม…
นั่ง รถมาทำงาน ก็สองชั่วโมงครึ่ง
กลับ อีกสองชั่วโมงสี่สิบนาที กลับถึงบ้าน หมดสิ้นกำลัง
ขอ นอนเอาแรงก่อน.........

ขณะ ที่งีบหลับอย่างสนิท ภาพในความฝันที่เธอเห็นคือ
สถาบัน การศึกษาที่เธอจบมา…
แหล่ง ที่มีเพศตรงข้ามชุกชุม เธอหวนรำลึกนึกถึงผู้ชายดีๆ
ที่ เขาเคยอุตส่าห์มาเฝ้าตามจีบ ตามง้อตามตื้อ
แล้ว เราเล่นตัวจนเคยตัว
ใน ที่สุดผลประโยชน์ตกอยู่ที่เพื่อนสนิท เป็นที่เรียบร้อย…
แหม ! ไม่น่าเลย ยิ่งคิดยิ่งเสียดายจริงจริ๊ง…ตื่นพอดี

เจอ โลกแห่งความจริง

ดำเนิน ชีวิตไปแต่ละวัน ยิ่งเข้าหน้าหนาว ซองสีชมพูกลิ่นหอมๆ จากเพื่อนๆ
เริ่ม ทยอยมา ตามหลังซอง กฐินซองผ้าป่าที่เพิ่งหมดฤดูกาล…
พอ ไปในงาน ดันเจอคำถามสะกิดใจอีกว่า
'เมื่อ ไรจะถึงคิวแจกการ์ดของตัวบ้างล่ะ'...
'โถ ! การ์ดแต่งงานน่ะพิมพ์เสร็จแล้ว
เหลือ แต่ชื่อเจ้าบ่าวที่ยังไม่ได้เลือกว่าจะเป็นใคร
เพราะ ครั้งนี้เขาเปลี่ยนระบบเลือกตั้งใหม่ ยังงงๆ
เรื่อง ปาร์ตี้ลิสต์อยู่เลย'
เอ๊ะ …เกี่ยวอะไรกัน!…ในใจก็คิดว่า ' ก็ฉันอยู่เป็นโสดนี่ มันไม่ดียังไง
หนัก กระบาลใครรึเปล่า'

เคย ตั้งคำถามกันไหม…ว่าทำไมต้องแต่งงาน (กันด้วย !)…
คำ ตอบจากเพื่อนๆ
ที่ แต่งงานแล้วหรืออยากจะแต่งงานอาจมีหลากหลาย…
'อยู่ คนเดียวมันว้าเหว่ อยา กมีใครสักคนไว้แก้เหงา ' …
ราย นี้เห็นผู้ชาย เป็นตัวคลายเหงา
'ราย ได้ไม่พอใช้ หาคนช่วย (หาเงิน) ' …
ผม กลัวมาช่วยผลาญเงินมากกว่า
'อยาก มีลูก ก็ต้องหาพ่อก่อนสิ '…
เกิด ได้ลูกแล้วจะทิ้งพ่อรึเปล่าเนี่ยะ
'โรง งานพร้อมแล้ว ขาดผู้ประกอบการ'…เจ้าของคำตอบกำลังหา ผู้ร่วมลงทุนฯลฯ

อัน ว่า ' ชีวิตคู่ ' อยู่ไปเพื่อสิ่งใด ? ชีวิตคู่ คือ
การ เติมเต็มซึ่งกันและกัน
ดัง นั้นเมื่อมีชีวิตสมรสแล้ว ครึ่งหนึ่งของ ชีวิตเราจะหายไป

ใน ส่วนที่ขาดจะมีครึ่งชีวิตของอีกฝ่ายมาเติมแต่งแห่งพื้นที่ว่างนั้น
ขณะ ที่ครึ่งชีวิตของเราที่หาย ก็มิได้สูญสลายไปไหน
มัน ก็ไปเติมที่ว่างของคู่เรานั่นเอง

จุด มุ่งหมายของ! การแต่งงานคือ
การ ใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุขมากขึ้นและมีชีวิตที่ดีขึ้น
เมื่อ เป็นสามีภรรยาแล้วต้องมีความสุขมากกว่าตอนอยู่คนเดียว
ถ้า ตอนอยู่ด้วยกันแล้ว มีแต่ความทุกข์ ความเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน
ก็ ไม่รู้ว่า จะแต่งงานไปหาพระแสงดาบคาบค่ายที่ไหน…
อยู่ คนเดียวมันส์กว่า

ชีวิต คู่ต้องเกื้อกูลกันและกัน ความก้าวหน้าของสามี
ภรรยา ต้องมีส่วน
อย่าง น้อยก็ปลอบใจในยามที่สามีเครียดจากการงาน
ชีวิต ภรรยาถ้าไม่คิดเอาดี ในทางโลกก็เจริญในทางธรรม
กำลัง ใจต้องได้จากสามีเช่นกัน อย่างน้อยก็อย่าหาทุกข์มาสุมเพิ่ม…
ถ้า คู่รักของเราประกอบมิจฉาอาชีวะ ติดเหล ้า เล่นการพนัน โกงบ้านกินเมือง
ชีวิต อีกฝ่ายก็เหมือนตก นรกทั้งเป็น


เพราะ ฉะนั้นเวลาเลือกแฟน
แทน ที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องรูปร่างหน้าตา
ฐานะ การเงิน ยี่ห้อรถเก๋งที่ใช้อยู่ ฯลฯ
เปลี่ยน เป็นเงื่อนไขแค่สองข้อที่จำแสนง่าย คือ
หนึ่ง - สุขใจยามอยู่ใกล้ชิด
สอง - คู่ช่วยคิดชีวิตก้าวหน้า
เพราะ ชีวิตคู่คือการเติมเต็มชีวิตแก่กันและกัน
หา ใช่เป้าหมายเพื่อการเสริม เพิ่มความเสียว
เพราะ อยู่คนเดียวก็เสียวได้ ไม่ง้อใครให้เสียเวลา
ไม่ เสียชาติเกิดหรอกครับ ถ้าคุณจะใช้ชีวิตเป็นโสด
ถือ คติประจำใจว่า 'อยู่ เป็นโสด ดีกว่ามีผัวเลว'

เพื่อนซี้...บนทราย กับ บนก้อนหิน‏

เรื่องเล่า ว่า.... มีคน 2 คนเป็นเพื่อนซี้กัน..
ต่างร่วมเดินทางไปในทะเลทรายด้วยกัน... ระหว่างทาง... เกิดโต้เถียงขัดแย้งไม่เข้าใจกัน
เพื่อนคนหนึ่ง...พลั้งลงมือ...ตบหน้าอีกฝ่าย
คนถูกทำ ร้าย...เจ็บปวด...แต่ไม่เอ่ยวาจา... กลับเขียนลงบนผืน ทรายว่า

'วันนี้...ฉันถูกเพื่อนรักตบหน้า'

พวกเขายังคงเดินทางต่อ...กระทั่งถึงแหล่งน้ำพวกเขา
ตัดสินใจอาบน้ำ...ชำระกาย...พลันคนที่ถูกตบหน้ากลับจมน้ำ...
เพื่อนอีกคนไม่รั้งรอ...เข้าช่วยชีวิต
คนรอด ตาย...ยังคงไม่เอ่ยวาจา...กลับสลักลง ไปบนหินใหญ่...

' วันนี้...เพื่อนรักช่วยชีวิตฉัน ไว้'

อีกคนไม่เข้าใจ...ถาม ว่า...
' เมื่อถูกฉันตบหน้า...เธอเขียนลงทราย...แล้ว! ทำไมเมื่อครู่...ต้องสลักบน หิน'
อีกคนยิ้มพราย...กล่าว ตอบ

' เมื่อถูกคนที่รักทำร้าย...เราควรเขียนมันไว้บนทราย ซึ่งสายลมแห่งการให้อภัย...จะทำหน้าที่พัดผ่าน...ลบ ล้างไม่เหลือ
แต่ เมื่อมีสิ่งที่ดีมากมาย... บังเกิดเรา ควรสลักไว้บน ก้อนหินแห่งความทรงจำในหัวใจ... ซึ่งต่อให้มีสายลมแรงเพียงใด...ก็ไม่อาจ ลบล้าง ทำลาย....'
ขอบคุณ..ที่อ่าน

ใครมีเพื่อน(คนรัก)ก็ส่งไปให้เค้าอ่านด้วยละกันนะ

17 มีนาคม 2552

ค้างคาว 3 ตัว

ค้างคาว 3 ตัว ยิงฟันยิ้ม

มี ค้างคาว 3 ตัวเป็นเพื่อนรักกัน อยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง

ถ้ำแห่งหนี้ มีค้างคาวจำนวนมาก และเนื้อที่เหลือน้อยลงทุกที เวลาไปหาอาหาร จะต้องมี ค้างคาวเฝ้าที่พักขอตัวเองไว้

อยู่มาวันหนึ่ง ค้างคาวเพื่อซื้อ ตัวแรก จะออกไปหาอารการ บอกกับเพื่อนๆ 2 ตัวว่า ข้าไปไม่นานหลอก ขอเวลาซัก 1 ชม แล้วข้าจะกลับมา

ตัว ที่ 2 รอแล้ว รอ อีก ตัวที่ 1 กยังไม่มาซักที จนเวลาผ่านไป 2 ชม กว่าๆ ตัวแรกได้บินกลับมาที่ลัง ตัวที่ 2 ไม่ลังเลที่จะด่า พอด่าๆไปแล้ว ตตัวแรกได้ทีแก้ตัวเลยบอกไปว่า ก็อาหารมันมีน้อยนี่หว่า หาอะไรกินก็แสนจะยาก พอพูดจบ ตัวที่ 2 ก็ บอกตัวที่ 3 ว่า เองไม่ต้องห่วง
ข้าจะกลับมาภายใน 1 ชม. ตัวที่ 3 ตอบด้วยความหิว ว่า เออ เอ็งรีบๆไปแล้วกัน ข้าหิวจะตายแล้ว

และ แล้วตัวที่ 2 ก็กลับมา แต่มาช้าไปอีก 1 ชม สรุป ตัวที่ 3 ต้องรอการหาอาหารถึง 4 ชม. พอตัวที่ 2 มาถึง กำลังจะแก้ตัว
ในจังหว่ะนั้น ตัวที่ 3 ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร บินออกไปด้วยความหิว ไปไม่ถึง 10 นาที ก็ บินกลับมาที่รัง ตัวที่ 2 ถึงกับ งง
เอง ไปกินอะไรที่ไหนมาวะ ถึงได้เลือดเยอะขนาดนี้ ตัวที่ 3 ตอบว่า เออ เอ็งเห็นต้นมะพร้าวหน้าถ้ำมั้ย ตัวที่ 1 และ 2 บอกเห็นซิ ทำไมเหรอ มันมีอะไรนอนอยู่เหรอไง ตัวที่ 3 ให้คำตอบว่า เออ ข้าไม่เห็นหว่ะ ชน แม่งเต็มๆ

สาเหตุที่เศรษฐกิจไม่ฟื้น (ขำๆ)

ประเทศไทยเจอกับปัญหาเศรษฐกิจครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งที่แล้วคนว่าแย่แล้ว
แต่ครั้งนี้ยิ่งแย่กว่าอย่างเทียบไม่ได้

ทุกครั้ง ผู้บริหารประเทศมีคำอธิบายถึงสาเหตุของปัญหา
ผมเองก็สงสัยว่าทุกครั้งรู้ปัญหา ซึ่งน่าจะป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกได้
แต่มันก็ยังเกิดขึ้นอีกจนได้

ผมก็เลยลองไปค้นคว้าดูว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร
และนี่ก็คือผลการวิจัยของผม


ประเทศไทยมีประชากร 65 ล้าน คน
25 ล้าน คนเกษียณอายุแล้ว เหลือ 40 ล้าน คนไว้ทำงาน
28 ล้าน คนยังเรียนหนังสืออยู่ เหลือ 12 ล้าน คนไว้ทำงาน
8 ล้าน คนเป็นข้าราชการ เหลือ 4 ล้าน คนไว้ทำงาน
2.5 ล้าน คนเป็นทหาร เหลือ 1.5 ล้าน คนไว้ทำงาน
1.2 ล้าน คนเป็นนักการเมืองหรือทำงานให้นักการเมือง เหลือ 300,000 คนไว้ทำงาน
200,000 คนนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาล เหลือ 100,000 คนไว้ทำงาน
99,998 คนอยู่ในคุก เหลือ 2 คน


คือคุณกับผม

แล้วคุณก็ยังมานั่งอ่านไอ้นี่อยู่อีกต่างหาก!

ยังจะมายิ้มอีก ไป ไป ทำงาน

ทฤษฎีกรุ๊ปเลือด

ทฤษฎีเรื่องกรุ๊ปเลือด แม่นมากมายมหาศาล เชื่อดิ
>
> นิยามของคนแต่ละกรุ๊ปเลือด
> O กวนตีน ชิล
> B โผงผาง จริงใจ
> A จุกจิก เนี๊ยบ
> AB ประหลาด ลึกลับ
>
> Group 'O'
> เริ่มจากรุ๊ปนี้ก่อนเลย เพราะทั้งบ้านเป็นโอ
>
> คนกรุ๊ปโอไม่ต้องตกใจว่าทำไม เราเป็นคนที่มีนิสัยชิล มันไม่ได้เกิดจากคุณเอง เกิดจากเผ่าพันธ์ ยีนของคุณครับ smile
> กรุ๊ปโอมักจะชิลกับตนเองเสมอ มาสายมากถึงมากที่สุดเวลานัดกันกับคนอื่นๆ โดนรบกวนได้ง่ายจากปัจจัยภายนอก เช่น อยากอาบน้ำร้อนก่อนในวันฝนตกไม่งั้นไม่ออกจากบ้าน ขออ่านการ์ตูนก่อนอีกสิบหน้าจะจบแล้ว รอฝนมันซากว่านี้แล้วกันค่อยออกแม้จะไปอีกทีสายแล้ว ก็ไม่เป็นไร
>
> กรุ๊ปโอ เป็นพวกไม่มีไฟแล้วทำอะไรไม่ได้ จะนอนอยู่กับบ้านได้ทั้งวัน แต่ถ้าวันนึงมีความฝันที่ต้องทำ มีกิเลสที่ตัวเองต้องการ จะทำสุดชีวิตแบบถึงเช้าถึงเที่ยงคืนก็ทำได้ ไม่หลับไม่นอน
>
> ความรักของกรุ๊ปโอจะเป็นพวกรักนานๆ ไปเรื่อยๆไม่หวือหวา
> พวกกรุ๊ปโอ จะเป็นคนไว้ใจคนยาก แต่ถ้ารู้จักกันไปแล้วก็จะติดเพื่อน ติดแฟนอย่างแยกไม่ออก เวลากรุ๊ปโอมาเจอกับกรุ๊ปโอกันเองจะจูนยาก เพราะจะดูๆกันก่อน
> กรุ๊ปโอเป็นพวกจะคบใครจะค่อยๆดู พอเจอโอกันเองเลยดูกันนาน แต่พอคบไปเรื่อยๆจะสนิทกันมากที่สุดกว่ากรุ๊ปอื่น แต่ก็จะมีช่องว่างให้กันด้วย
>
> กรุ๊ปโอเป็นพวกตามน้ำเวลาจะเอาคนกรุ๊ปโอไปไหน เค้าก็ไปได้หมดล่ะ แต่ต้องมารับโทรไปตาม ให้ความสำคัญต้องอัญเชิญว่าง่ายๆเถอะมาแน่!ต้องให้คนไปง้อ
>
> กรุ๊ปโอไม่พุดอะไรออกจากใจภายในทันทีจะไปคิดทีนึงแล้วค่อยมาบอก บางทีจะทำอะไรก็ชอบไปปรึกษาก่อนว่าแบบนี้ดีไหม? มีเรื่องกลุ้มใจก็จะรบกวนคนรอบข้างคอยช่วยปรับสารทุกข์สุขดิบ แล้วก็กลับมาดีได้ด้วยแรงใจของคนรอบข้าง
>
> กรุ๊ปโอจะเป็นพวกปากหวานถ้าทำอะไรไม่เป็นก็จะทำตาปริบๆ ให้คนช่วยทำเสมอ
>
> นอกจากนี้โอยังเป็นพวกเจ้าสัวใจถึง ถ้ากลางที่สาธารณะก็จะหน้าใหญ่ใจกว้าง หลังจากงานเลี้ยงค่อยมาคิด เออหมดตัวแล้ว ๕๕๕
>
> Group 'B'
> บี เนี่ยผมจะมีเพื่อนสนิทเป็น B เยอะมาก
>
> กรุ๊ป B เป็นกรุ๊ป Entertain อย่างหนักหน่วงและ เป็นสีสันของวงสนทนา
>
> ไอเดียที่ B คิดจะตรงพูดจากใจเสมอเรียกเสียงหัวเราะของคนในวงได้เพราะ คนอื่นจะคิด'กูก็คิดแบบนั้น แต่ไม่กล้าพูด'
>
> บี เป็นรักใครอัดเต็มบ้าเห่อ พอชอบใครจะเอาตัวเอง ไปเลียบๆเคียงๆ คนที่ตัวเองชอบแบบเนียนๆ
> ส่วนมากกรุ๊ปบีจะไปชอบคนกรุ๊ปโอ ด้วยความนิ่งกว่าของคนกรุ๊ปโอ เพราะบีเจอบีจะระเบิด เวลามีเรื่องปั้บออกตัวล้อฟรีจะเป็นจะตายทีเดียว
> เราจะได้เห็นบีในเห็นการแปลกๆเช่นทะเลาะกับยาม โวยวายกับคนโทรศัพท์ผิด โมโหเพื่อนทั้งที่ยังไม่เคลียร์เรื่องเหตุต้นตอ แล้วพอหลังจากมีเรื่องจะมาคิดได้ว่า'น่าจะใจเย็นกว่านี้ หน่อยนะ ,ไม่น่าพูดแบบนี้ไปเลย' แต่ก็ด้วยความตรงทำให้ไม่คิดอะไรมาก ถ้าเค้าจะชอบเรา(คนกรุปบี)แบบ ที่เป็นเราก็คงดีแล้วบีก็จะลืมเรื่องที่ตัวเองทำเอาไว้
> กรุ๊ปบี บ้าเห่ออย่างที่บอก พอรักกันก็ปานจะกลืนพอไม่สนใจก็เอาไปทิ้งถังขยะได้ทีเดียว
>
> กรุ๊ปบีเป็นพวก ชัดเจน ไม่ชอบจะไม่ไปไหนด้วยเลย
>
> อาจจะเห็นกรุ๊ปบีไปเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ตามคนอื่นไปบ้าง แต่พอครั้นอยากจะนอนอยู่บ้านหรือ วันนี้รถติดหว่ะ ก็ไม่ไปซะเลย ไม่โทรบอกใครด้วย
>
> กรุ๊ปบีดูเป็นคนใจร้ายแต่จริงๆ เป็นคนจริงใจและค่อนข้างยอมคนที่ตนเองสนิทอย่างมาก
> ถ้าพอในกลุ่มแล้ว บี จะได้รับอิทธิพลจากโอสูงทีเดียวด้วย เหตุผลกับความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว ว่าง่ายๆบีแพ้ทางโอ บางทีอะไรที่โอทำบีจะปลาบปลื้มมาก แต่พอ เอไปทำบีจะมองว่ารำคาญหว่ะ
> กรุ๊ปบีเป็นกรุ๊ปแห่งอารมณ์ ไม่มีความเท่าเทียมกันในกรุ๊ปนี้ใช้อารมณ์ตัดสินกันล้วนๆ บีไม่ต้องการคำปลอบใจหรือกำลังใจใดใด ขอนอนบ้างหลังจากอัดเต็มมาพักนึงหรือได้ออกไปด่า ทำลายของของคนที่ตัวเองไม่ชอบก็กลับมาดี๊ด่าได้เหมือนเดิม
>
> อย่าลืมว่าเวลาไปเที่ยวไหนให้พกคนกรุ๊ปนี้เอาไว้ เพื่อเพิ่มสีสันให้กับกลุ่ม เพราะบีถือคติสนุกไว้ก่อน
> อ้อ แต่บีเห็นตลกแบบนี้ จะเป็นคนมีเหตุผลกับเรื่องคอขาดบาดตายสูงมาก ตัดสินใจได้ดีทีเดียว ยิ่งเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบขอมีส่วนด้วย อาจจะยุคนอื่น ให้เลิกคบกันไปเลย
> บีเป็นคนที่ประจบประแจงได้เนียน ถ้าโอจะทำจะกระดากตัวเอง ถ้าเอทำจะรู้สึกเสียศักดิ์ศรี แต่บีจะไม่มีทิฐิถ้าอยากทำก็จะทำ ไม่ได้ทำให้ทุกคนด้วยมีไรมั้ย เรื่องของฉั้นเชิ้บๆ
>
> Group 'A'
> คนกรุ๊ปนี้ ทางยุโรปบอกว่าเป็นกลุ่มคนที่หน้าตาดีที่สุด ผมเองคิดว่าไม่จริง 555+
>
> กรุ๊ป เอ เป็นพวกมีความมั่นใจในตัวเองสูง เป็นคนที่เป็นนักคิดนักวางแผน
> เราจะเห็นคนเรียนดีจากเลือดกรุ๊ปนี้เยอะมาก เพราะความขยันและการเตรียมตัวที่ดีของเขา
>
> เอ ชอบอยู่ในกลุ่มคนและได้ออกความเห็นตลอด ชอบวิจารณ์คนอื่น แต่รับคำวิจารณ์ที่คนอื่นวิจารณ์ตนเองไม่ได้เท่าไหร่ เอ เป็นคนที่สนิทยากถึงจะสนิทแต่ก็จะมีกำแพงกั้นไว้เสมอ
>
> เอจะแบ่งเวลาให้กับทุกคนสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน คนรัก คนทำงาน กรุ๊ปเอเวลานัดกันจะไปคนแรกเสมอ ตรงต่อเวลาและมีสัมมาคารวะแต่ในใจก็จะมีความคิดที่ตัดสินคนแต่ละคนเอาไว้ใน หัวแล้ว
> เป็นกลุ่มคนที่มีเหตุผลสูงสุด เราแทบจะเถียงไม่ชนะกรุ๊ปนี้เลย แต่เวลากรุ๊ปเอทำอะไรออกมากลับเป็นอะไรที่ Emotion มากขัดกับคาแรคเตอร์ที่ตัวเองเก็บไว้
> ผมคิดว่าเพราะความเก็บกดที่ต้อง อยู่ในกรอบตลอดเวลา กรุ๊ปเอเป็นพวก Work hard play hard เรียนถึงเกียรตินิยมแต่เล่นแรงแบบลืมวันคืน
> กรุ๊ปเอ กับเพื่อน ยิ่งกลุ่มใหญ่ เอจะยิ่งเป็นลิ่วล้อ แต่พอกลุ่มเล็กลง เอจะเทพขึ้นมาเรื่อยๆ ถ้าเป็นคนรัก เอจะเอาตัวเองเป็นเหมือนตราชั่ง คือเสมอภาค ไม่ว่าแฟนจะรุ่นใหญ่กว่า
> เอจะเอาตัวเองไปเทียบให้เท่ากัน แต่ถ้าแฟนรุ่นเล็กกว่าก็จะเอาตัวเองลงไปคลุกกับโลกของคนนั้นซะงั้น เอ ชอบคิดว่า อันนี้มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย และประสาทเสียกับอะไรที่ผิดแผน นอยอยู่คนเดียวเสมอ เอ ไม่ถูกกับโออย่างรุนแรง ด้วยความเป็นคนในกรอบแล้วไปเจอคนนอกรีต จะรู้สึกหงุดหงิด อะไรว่ะ!!!นัดกันเที่ยงมาสามโมง
> แต่บางครั้ง เอ ก็จะคิดเข้าข้างตัวเองเสมอเวลาตัวเองทำผิดบ้าง และ ยิ้มอยู่คนเดียวเวลาที่ตัวเองรู้สึกเหนือกว่า อะไรที่ เอ ทำหน่ะ ดีดลูกคิดรางแก้วไว้หมดแล้วหล่ะ
>
> Group 'AB'
> เอบี เป็นอัจฉะริยะ
>
> เราจะเห็นเวลาที่ เอบีพูดน้อยกว่าคิด เอบีชอบหลบอยู๋ในมุมจ้องมองคนอื่นๆทำอะไรต่างๆ แล้วก็คิดไปเรื่อย ถ้าเป็นฉันจะทำยังไงตรงนี้ จะมีอะไรที่ดีกว่าไหม
> เอบี เป็นพวกชอบคิดนอกกรอบ เป็นเทพเจ้า แต่ในขณะเดียวกันอาจเป็นไอ้บ้าของใครบางคนได้ เพราะ เอบีจะทำอะไรนอกกรอบและแนวทดลองเสมอ
>
> ผมมีเพื่อนที่เป็นเอบีน้อยมาก พอเอาสัดส่วนมากเทียบไม่น่าจะถึง 5เปอร์เซ็นต์
>
> เอบีมีวิธีเอนเทอเทน ให้ตัวเองมีความสุขแปลกๆ ในมุมของตัวเอง เช่น การนั่งกดรีโมทแอร์ตอนไม่มีถ่านแล้วสนุก หรือมองมดเดินแล้วลองตั้งชื่อมด จำว่าตอนมันเดินกลับมาเราจะจำชื่อมันได้ไหม
>
> เอบีมักสร้างสิ่งแตกต่างในสังคมเสมอ ทำให้เกิดอารยะธรรม วัฒนธรรมใหม่ๆได้ เวลานั่งในกลุ่มใหญ่จะมีแค่สองสถานการณ์ ของคนในกรุ๊ปนี้คือ โดนสปอตไลท์ หรือหลบในมุมมืด เราจะไม่เห็น เอบีเฮฮาแบบเนียนๆไปกับกลุ่มเพื่อนฝูงตลอด 3 ชม. ไอ้คนที่ทำแบบนั้นได้คือกรุ๊ปบี 5555+
> เอบีจะมีโลกส่วนตัวสูง เราเอาแนวคิดที่เรามี กฏเกณฑ์ที่เรามีไปตัดสิน เอบีไม่ได้
>
> นิสัยของเอบีหลักๆคือลึกลับ

12 มีนาคม 2552

10 เคล็ดลับนอนหลับสบาย

1. เข้านอนก่อน 4 ทุ่ม และตื่น 6 โมงเช้า เพราะนี่คือช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการพักผ่อนร่างกาย

2. สะสาง วางแผนสิ่งที่กังวลที่จะทำในวันต่อไปให้เรียบร้อยเพื่อลดอาการวิตกจริต และคิดซ้ำซาก

3. บอกกับตัวเองว่าการเครียดกังวล และใช้สมองในช่วงที่ต้องนอนหลับนั้นเปล่าประโยชน์ เนื่องจากสติ สัมปชัญญะ แ

ละความอ่อนล้าของร่างกายคืออุปสรรค ดังนั้น นอนหลับให้สนิทแล้วตื่นมาคิดอย่างแจ่มใส ย่อมให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพดีกว่า

4. ถ้าคุณนอนหลับยาก ควรออกกำลังกายในช่วงเย็น หรือ 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน แต่อย่าทำใกล้เวลานอน

5. ปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นระหว่าง 17-25 องศาเซลเซียส แล้วจะหลับง่ายสบายบอดี้

6. เสริมเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่สมดุล จะนอนหลับลึกได้ต่อเนื่อง

7. ความมืดมิดและไร้เสียง คือเคล็ดลับที่จะทำให้หลับได้สนิทและยาวนาน

8. ดื่มหรือรับประทานอาหารที่มีองค์ประกอบของกรด อะมิโน Tryptophan จากโปรตีน

อย่างธัญพืช หรือเครื่องดื่ม Whole Grains ก่อนนอน จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายปล่อยสาร Niacin จากวิตามินบี 5

ทำให้สมองและร่างกายผ่อนคลาย และง่วงนอนง่ายขึ้น

9. สร้างกิจวัตรใหม่ด้วยการเข้านอนและตื่นให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน ลองทำแค่ 1 อาทิตย์ ติดต่อกัน ร่างกายก็คุ้นเคยแล้ว

10. หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ และช็อกโกแลตระหว่างวัน เพราะกาเฟอีนที่ผสมอยู่จะทำให้ร่างกายตื่นตัว

สมการที่เป็นจริงระหว่างหญิงกับชาย

ROMANCEMATHEMATICS
Smart man + smart woman = romance
ผู้ชายเท่ห์ + ผู้หญิงเก่ง = ความ โรแมนติก

Smart man + dumb woman = affair
ผู้ชายเก่ง + ผู้หญิงโง่ = ความใคร่*

Dumb man + smart woman = marriage
ผู้ชายโง่ + ผู้หญิงเก่ง = การแต่งงาน Dumb man + dumb woman = pregnancy
ผู้ชายโง่ + ผู้หญิงโง่= ตั้ง ท้อง **

* OFFICE ARITHMETIC *
Smart boss + smart employee = profit
เจ้านายเก่ง + ลูกน้องเก่ง = กำไร **
Smart boss + dumb employee = production
เจ้านายเก่ง + ลูกน้องโง่ = ผล ผลิต **
Dum! b boss + smart employee = promotion
เจ้านายโง่ + ลูกน้องเก่ง = เลื่อน ตำแหน่ง

Dumb boss + dumb employee = overtime
เจ้านายโง่ + ลูกน้อง โง่=OT อย่าง เดียว **

* SHOPPING MATH *

A man will pay $2 for a $1 item he needs.
ผู้ชายจ่าย 2 บาท ต่อ ของ 1 ชิ้นที่เขาต้องการ

A woman will pay $1 for items that she doesn't need.
แต่ ผู้หญิง จ่าย 1 บาท ต่อ ของหลายๆชิ้น ที่เธอไม่ต้อง การ **

* GENERAL EQUATIONS & STATISTICS *

A woman worries about the future until she gets a husband.
ผู้หญิงจะกังวลเกี่ยวกับอนาคตจนกว่าจะ มีสามี **
A man never worries about the future until he gets a wife.
แต่ ผู้ชายไม่เคยกังวลเลยเกี่ยวก ับอนาคตเลยจนกระทั่งมีภรรยา**
A successful man is one who makes more money than his wife can spend.
ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่สามารถหาเงินได้มากกว่าที่ภรรยาใช้ **
A successful woman is one who can find such a man.
แต่ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่สามารถหาสามีได้อย่างคนข้างบน **

* HAPPINESS *

To be happy with a man, you must understand him a lot and love him a little.
การจะมีความสุขกับผู้ชายคนนึง คุณจะต้องเข้าใจเค้ามากๆ แต่รักเค้า น้อยๆ
To be happy with a woman, you must love her a lot and not try to understand her at all.
การจะมีความสุขกับผู้หญิงคนนึง คุณต้องรักเธอมากๆ และไม่ต้องพยายามอะไรในตัวเธอ ทั้งสิ้น**

* LONGEVITY *

Married men live longer than single men do, but married menare a lot more willing to die.
ผู้ชายที่แต่งงานแล้วจะมีอายุยืนกว่าชายโสด แต่ชายที่แต่งงานแล้วกลับ เต็มใจเลือกที่จะตายมากกว่าอยู่**

* PROPENSITY TO CHANGE *
A woman marries a man expecting he will change, but he doesn't. **
ผู้หญิงแต่งงานกับผู้ชายคนนึงและหวัง ว่าจะเปลี่ยน แปลงเค้าได้ แต่ผู้ชายไม่ เปลี่ยน*
A man marries a woman expecting that she won't change, and she does. **
ส่วน ผู้ชายแต่ง งานกับผู้หญิงและหวังว่าเธอคงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เธอก็ เปลี่ยน **

* DISCUSSION TECHNIQUE *
A woman has the last word in any argument.
ผู้หญิงมักมี คำพูดสุดท้ายในการโต้เถียง
Anything a man says after that is the beginning of a new argument.
แต่อะไรก็ตามที่ผู้ชายพูดออกมาต่อจากนั้น จะเป็นการเริ่มการโต้เถียง ครั้งใหม่ *

08 มีนาคม 2552

รายการ ชิงร้อยชิงล้าน - เรือนจำมหาสนุก

รายการ ชิงร้อยชิงล้าน - เรือนจำมหาสนุก


รายการ ชิงร้อยชิงล้าน - คาเฟ่ จ๋า ฉันมาตามหาฝัน

รายการ ชิงร้อยชิงล้าน - คาเฟ่ จ๋า ฉันมาตามหาฝัน


รายการ ชิงร้อยชิงล้าน - ลำตัดปะทะหมอลำ กระหน่ำเลือดส

รายการ ชิงร้อยชิงล้าน - ลำตัดปะทะหมอลำ กระหน่ำเลือดส


รายการ ชิงร้อยชิงล้าน - อภินิหาร เจ้าพ่องูดิน

รายการ ชิงร้อยชิงล้าน - อภินิหาร เจ้าพ่องูดิน

รายการ ชิงร้อยชิงล้าน - คมในแฝก

รายการ ชิงร้อยชิงล้าน - คมในแฝก


รายการ ชิงร้อยชิงล้าน - สะดุดรักหัวใจสีม่วง

รายการ ชิงร้อยชิงล้าน - สะดุดรักหัวใจสีม่วง


วิธีตั้งสายกีตาร์

ตั้งสายเปล่าสายหกให้เป็นเสียง E เสียก่อน (ลองหาเพลงมาวัดเอานะ เพลงไหน key E อ่ะ)

แล้วตั้งสาย 5 สายเปล่าให้เท่ากับเสียง เฟรตที่ 5 ของสาย 6 (งงป่ะ)
แล้วตั้งสาย 4 สายเปล่าให้เท่ากับเสียง เฟรตที่ 5 ของสาย 5
แล้วตั้งสาย 3 สายเปล่าให้เท่ากับเสียง เฟรตที่ 5 ของสาย 4
แล้วตั้งสาย 2 สายเปล่าให้เท่ากับเสียง เฟรตที่ 4 ของสาย 3
แล้วตั้งสาย 1 สายเปล่าให้เท่ากับเสียง เฟรตที่ 5 ของสาย 2

อธิบาย ...

ดีดเสียงช่องที่ 5 ของสาย 6 แล้วดีดสายเปล่าสายที่ 5 ให้เสียงเท่ากัน ประมาณนี้อ่ะ

ส่วนเรื่องวัดเสียงต้องใช้ความเคยชินนิดนึง

ทุกข์ของผู้ชาย

http://upic.me/i/mj/cb805d40337203422ccdfaa926e2e9f0.jpg

เรื่องน่ารู้เรื่องเหล้า

เครื่อง ดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมของมนุษย์มาช้านาน มีการใช้แอลกอฮอล์เพื่อการสันทนาการต่างๆมากมาย มีปัญหาเกี่ยวกับการแอลกอฮอล์ที่คนหลายคนตั้งคำถามกันแต่อาจจะไม่มีคนตอบ ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูเรื่องราวข้อสงสัยเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กัน

1. ทำไมบางคนดื่มแล้วตัวแดงหน้าแดง

ปกติ แล้วเวลาเราดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกายแล้ว ร่างกายจะเปลี่ยนแอลกอฮอล์ให้ไปเป็นสารที่ใช้ในวงจรสร้างพลังงาน ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีช่วงหนึ่งซึ่งสร้างสารที่ชื่อว่าแอลดีไฮ ด์ ซึ่งมีพิษต่อร่างกายได้ ... ในคนปกติ ร่างกายจะมีเอนไซม์ที่ชื่อว่า aldehyde dehydrogenase ทำหน้าที่เปลี่ยนสารแอลดีไฮด์ให้กลายเป็นสารอื่นต่อไป ... ซึ่งในคนเชื้อชาติทางด้านเอเชีย จะมีบางส่วน(50%)ซึ่งมีพันธุกรรมที่กำหนดการสร้างเอนไซม์ตัวนี้น้อยกว่าปกติ ดังนั้นเมื่อกินเหล้าเข้าไป เหล้าจะเปลี่ยนไปเป็นพลังงานได้ช้ากว่าโดยไปเกิดการคั่งของสารกลุ่มแอลดีไฮ ด์นี้

สารแอลดีไฮด์จะทำให้เกิดอาการต่างๆคือ คลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว ปวดหัว อาการบวมและคันตามตัว หลอดเลือดขยายตัว หน้าแดงมือแดงได้

ถ้าเข้าใจผิดจะคิดว่าเมาง่าย จริงๆคนที่เกิดอาการนี้ไม่จำเป็นต้องเมาครับ และกลไกนี้เป็นหนึ่งในเรื่องอาการแฮงค์ครับ



2. อาการแฮงค์คืออะไร

อา การแฮงค์ คืออาการมึนงงปวดหัวคลื่นไส้อาเจียนหลังจากที่ฤทธิ์ของเหล้าที่ดื่มหมดไป แล้ว ... อาการที่ว่านี้เชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกันได้แก่ การขาดน้ำ + การคั่งของสารแอลดีไฮด์ + น้ำตาลต่ำ ไปทำให้เกิดกลุ่มอาการดังกล่าวครับ


3. กินแค่ไหนจึงจะไม่โดนตำรวจจับ

ใน ประเทศไทย กฎหมายตั้งเกณฑ์ไว้ที่50mg% ดังนั้นเป้าคือกินอย่างไรไม่ให้เกิด50mg% ... มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2550 ในวารสารจดหมายเหตุทางการแพทย์ เกี่ยวกับการทดลองโดยให้อาสาสมัครดื่มเหล้า(+กับแกล้มหรืออาหาร)และตรวจ เลือด ซึ่งพบว่าการดื่มเหล้าเกิน1ดริงค์ต่อชั่วโมง ก็เสี่ยงต่อการมีระดับแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแล้ว (1ดริงค์ = เหล้า40ดีกรี 40ซีซี /หรือเบียร์ 275 ซีซี)

ถ้าพูดเป็นภาษาเข้าใจ ง่ายขึ้นก็คือ ถ้าคุณไปเที่ยวแล้วกินเหล้าสัก6-7 ฝา หรือ กินเบียร์1กระป๋อง จากนั้นก็ขับรถมาเจอด่านตรวจ คุณก็มีโอกาสที่จะโดนจับครับ

ทั้งนี้ในงานวิจัยพบว่า การกินกับแกล้มก็ไม่ได้ช่วยอะไร ถ้าจะให้ช่วยจริงๆต้องกินเป็นอาหารมื้อหนักๆไปเลยจึงจะพอช่วยลดการดูดซึมได้ บ้าง

(ถามจริงๆครับ ไปเที่ยวข้างนอกมีใครกินน้อยขนาดนั้นรึเปล่า)

4. กินยังไงไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ

หลาย คนที่เจอจับอาจจะงงว่าตนเองยังไม่เมาเลย ทำไมโดนจับ เรื่องของเรื่องคือกลไกการเกิดอุบัติเหตุของคนที่ดื่มเหล้าเกิดจากการตัดสิน ใจช้าไปเพียงเสี้ยววินาทีครับ เกิดได้ตั้งแต่ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดน้อยที่ระดับ 10mg% ขึ้นไป ... ปริมาณระดับนี้ไม่สามารถตรวจด้วยวิธีปกติได้ แต่สามารถตรวจได้จากการวัดความเร็วการตอบสนองของร่างกายครับ

นั่นหมายความว่า คุณเสียความสามารถในการตอบสนองไปแล้ว โดยที่ยังไม่รู้สึกมึนด้วยซ้ำ

5. มียาแก้เมาค้างหรือไม่

การ แก้อาการเมาค้างในปัจจุบันยังใช้วิธีแบบตรงไปตรงมาคือ อย่าดื่มมากเกิน อย่าดื่มเร็วเกิน ดื่มน้ำบ่อยๆ เลือกชนิดเหล้า(เหล้าบางชนิดจะมีสารเคมีที่ทำให้เมาค้างได้ง่าย ต้องหาเอา ขึ้นกับแต่ละคน)ส่วนถ้าไปดูตามวงเหล้า หรือตามโฆษณาต่างๆ จะมีการพูดถึงยา, สมุนไพร, อาหารเสริม ที่ช่วงแก้อาการเมาค้าง ... แต่ถ้าว่ากันจริงๆตามงานวิจัย ยังไม่มียาที่ใช้แก้อาการเมาค้างที่ได้ผลชัดเจนทางวิทยาศาสตร์ครับ

ดังนั้นถ้าจะหาซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์ใดๆมา ก็ไม่ต้องซีเรียสครับ ซื้อตามกำลังทรัพย์และความพึงพอใจเอา

6. การดื่มเพื่อสุขภาพ

มี งานวิจัยที่ออกมาบอกว่าการดื่มแอลกฮอล์อาจจะมีส่วนช่วยเรื่องสุขภาพได้ ทั้งนี้ต้องดื่มแต่พอดีครับ คำว่าดื่มแต่พอดีก็คือ การดื่มประมาณวันละ 1 ดริงค์

เทียบเท่าเบียร์ค่อนกระป๋อง / ไวน์ปริมาณ1ขวดกระทิงแดง / หรือเหล้าหนึ่งเป๊ก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการดื่มในระดับที่ไม่รู้สึกอะไร หรืออย่างมากก็กรึ่มเพียงเล็กน้อยครับ ...

ดังนั้นการดื่มเพื่อสันทนาการ ดื่มแบบเฮฮา หรือดื่มแบบสนุกครื้นเครง ล้วนเกินพอดีครับ โทษมากกว่าประโยชน์ชัดเจน

อนึ่ง ฝรั่งเค้าก็ใช้คำว่า Moderation หรือ Moderate drinking ซึ่งแปลตรงตัวว่า "ดื่มแต่พอดี" เช่นกัน



ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือโทษอย่างไรก็ตามเราสามารถเลือกในการบริโภคได้ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวคุณจะเลือกครับ

ขอบคุณที่มา Fw:mail

"ความรักต้องซื่อสัตย์กับความรู้สึก..."

"ความรักต้องซื่อสัตย์กับความรู้สึก..."


ใน " นิยามแห่งรัก "
มีมากมายร้อยพันที่เราได้ขีดเขียน..รังสรรค์แต่งแต้ม..ขึ้นมา
ของคนโน้น....เป็นอย่างนี้
ของคนนี้....เป็นอย่างนั้น

" ความรัก "..คือ....
คือ อะไรก็ย่อมแล้วแต่เราอยากจะให้เป็น

" ความรัก "..ไม่มีเหตุผล....
เคยกันบ้างไหม..ที่รักใครสักคน..โดยที่ไม่รู้สาเหตุ..โดยที่ไม่เหตุผล
ก็..ฉันรักของฉัน..ยังไงก็จะรัก..ใครจะทำไม....

" ความรัก "..ทำให้ใครบางคนรู้สึกดี..อิ่มเอม..เต็มตื้น..สุขใจ....
มีความหวังกับร้อยความฝัน..ไม่เดียวดาย..ไม่อ้างว้าง....
แต่ " ความรัก "....
กลับทำให้ใครบางคนร้อนรุ่ม..กระวนกระวาย..สับสน..
เหมือนคนที่หาทางออกให้กับตัวเองไม่เจอ



บางคน..พอใจที่จะมี " ความรัก "..ขอได้แค่ " แอบรัก "
มีความสุขกับภาพพระจันทร์บนผืนน้ำที่สวยงาม
มีความสุขกับเงาหมอกควันลางๆที่ราวกับว่าจะเอื้อมมือคว้าจับได้
แต่ในความเป็นจริง..สิ่งเหล่านี้..เอื้อมมือคว้าเท่าไหร่ก็ไม่มีวันได้สัมผัส..ไม่มี....

บางคน..พอใจที่จะหยุด และ จบความสัมพันธ์แบบนี้
ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อคนอีกคน หรือ เพื่อตัวเอง
ยอมที่จะ " เจ็บปวด "....
ยอมที่จะ " ร้าวรานใจ "....เพียงลำพัง

แต่ " ความรัก "..ใช่ว่าจะจบลง..หรือ..สิ้นไป
เพราะนี่....เป็นแค่การเริ่มต้นของ " การมีความรัก "
เป็นการเรียนรู้ที่จะก้าวไป....นี่เป็น " แรกก้าว "
เป็นการยอมรับสภาพ..บางอย่าง..สู่การ " ย่างก้าว "
นี่ใช่ไหม....บางเสี้ยวอณูของ " ความรัก "

ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก
คนเราไม่สามารถสั่งใจให้รู้สึก
อย่างนั้น อย่างนี้ กับใครได้
หากใจไม่รัก..ก็..คือ..ไม่รัก
และ..หากใจรัก..
ก็คงบอกความรู้สึกว่า..
ไม่รัก..ไม่ได้...

ไม่มีคำว่า "ถูก" หรือ "ผิด"
ในเรื่องของความรัก
ความถูกผิด มันอยู่ที่..
เราซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของเรามากน้อยแค่ไหน

ที่มา bevernetwork

เมีย" ลักษณะต่างๆ

เมียหลวง
คือ ภรรยาที่เคยดีที่สุดในอดีต แต่กาลเวลาและสิ่งแวดล้อมทำลายความดีของเธอ
จนหมดสิ้นในระยะเวลาอันสั้น และทิ้งความโหดร้ายไว้ให้เธอต้องรับผลกรรม คือ
ความจุกจิก จู้จี้ ขี้บ่น แก่ง่าย ตายยาก พูดมาก กินจุ อ้วนเหมือนหมู ดุเหมือนเสือ

เมียเก็บ
คือ อาหารพิเศษ มีรสชาติแตกต่างจากอาหารธรรมดาทั่วไป เหมาะที่จะกินเป็นครั้ง
เป็นคราว เพื่อแก้เลี่ยน เป็นสินค้ายอดนิยมและมีราคาแพง เงื่อนไขเยอะ

เมียน้อย
คือ ผู้หญิงที่ดีที่สุด ที่ผู้ชายเพิ่งมาค้นพบภายหลัง

เมียแต่ง
คือ ผู้หญิงที่ทรงคุณค่าและคุณผู้ชายอยากจะประทับรอยรักสุดใจขาดดิ้ น แต่ไม่
สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่านี้

เมียเช่า
คือ ผู้หญิงผิวคล้ำ ขี้ร้อน ใช้เสื้อผ้าน้อยชิ้น สูบบุหรี่กินเหล้าเป็นงานอดิเรก รสนิยม
สูง นิยมบริโภคของนอก มีปริมาณความรักขึ้นลงตามกระแสเงินสด

เมียจ๋า
คือ ผู้หญิงหน้าดุเหมือนเสือ ยืนชูไม้ต้นรักเหมือนเทพีสันติภาพ และมีสามีนั่งคุก
เข่าอยู่กับพื้น ประสานมือเหนือหน้าอกเหมือนไหว้เจ้า เพราะมีประวัติเพิ่งทำการ
ละเมิดข้อห้ามร้ายแรงของภรรยาบังเกิดเกล้า ลักษณะตัวสั่น น้ำลายไหลเล็กน้อย
พูดตะกุกตะกักว่า 'เมียจ๋า' ซึ่งเป็นคำพูดในความหมาย ขออภัย ไถ่โทษ

เมียกู
คือ ผู้หญิงสวย ขาว หุ่นเพรียวผอม อายุน้อย หน้าตาน่ารัก เพราะยังไม่มีการรวม
ตัวของไขมันและตีนกา พูดจาไพเราะอ่อนหวาน ผู้ชายที่พบเห็นจะเกิดอาการเขื่อน
กั้นน้ำลายพัง ทำให้เอ่อล้นออกมานอกปาก แสดงอาการหึงหวง กีดกันชายอื่นไม่
ให้เข้าใกล้ แสดงความเป็นเจ้าของ ทั้งที่บางครั้งยังไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง

เมียบังเกิดเกล้า
คือ ผู้หญิงที่น่าเบื่อที่สุดในโลก ความรู้น้อย บริหารงานไม่เป็น vision เป็นศูนย์
เผด็จการ ชอบใช้อำนาจในทางที่ผิด ข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย ใช้คำพูดหยาบคาย
บุคลิกภาพน่ารังเกียจ เป็นที่ชิงชังของเพื่อนบ้านและผู้ชายทั่วไป โดยเฉพาะสามี
จากคุณสมบัติที่น่าสยดสยองดังกล่าว ทำให้สามีเกลียด ขยะแขยง คลื่นไส้จนไม่
อยากพูดด้วย ไม่อยากโต้ตอบ ไม่อยากมีเรื่อง สามีที่มีภรรยาประเภทนี้ จึงใช้คำ
พูดอยู่สองคำ คือ 'ครับ' และ 'ใช่ครับ' และใช้สรรพนามเรียกภรรยาว่า 'แม่' มัก
อธิบายให้เพื่อนฟังว่า เรียกตามลูก แต่เพื่อนๆ ไม่แน่ใจว่าเรียกตามลูกหรือเรียก
ด้วยความเคารพยำเกรง เพื่อสวัสดิภาพของตัวเอง และที่สำคัญ ได้ลบคำว่า 'นอก
ใจ'ออกจากสมองและพจนานุกรมในบ้านเรียบร้อยแล้ว




ความหมายของคำว่า เมีย (WIFE)

W = without = ปราศจาก

I = Information = แจ้งให้ทราบ

F = Fighting = ต่อสู้ (ทะเลาะ)

E = Every Day = ทุก ๆ วัน

รวมความก็คือ

Without Information Fighting Every day

แปลเป็นไทยก็คือ

หาเรื่อง ทะเลาะได้ ทุก ๆ วัน โดย ปราศจากการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า




ในเมื่อทราบกันแล้วว่าความหมายของภรรยา

ก็มาฝั่งสามี กันบ้าง
สามี ความหมายของคำว่า ผัว (HUSBAND)
H Has มี
U Unceasingly ไม่มีหยุดหย่อน
S Shame ละอาย
B But แต่
A Annoyance ความน่ารำคาญใจ
N No ไม่
D Dispute โต้เถียง ทะเลาะ

รวมความก็คือ
Hate Dispute But Seek Unceasingly Annoyance; No Shames
แปลเป็นไทยก็คือ

เกลียดการทะเละแต่ชอบหาเรื่องรำคาญใจมาให้ไม่หยุดหย่อนและไม่มีความละอายใจ



อันนี้แถม

เมียคนอื่น = หญิง ขาว สวย หมวย X มองยังไงก็ไม่เบื่อ

มองเมื่อไรก็น่ารัก เห็นแล้วอยากเป็นเจ้าของ

แต่ก็หมดสิทธิ์ เพราะแฟนมันมีปืน !!

หึหึหึ วิธีป้องกันผีหลอกในโรงแรม

วิธีป้องกัน ผีหลอก ในโรงแรม .....เฮ่อๆๆๆๆ

ใครเคยไปพักตามโรงแรมแล้วถูกผีหลอก ลองมาฟังไอเดียดีๆ บอกวิธีป้องกันผีหลอกง่ายๆ

วิธีป้องกันผีหลอกในโรงแรม

นี่คือความเชื่อบางข้อของบรรดาเจ้าของธุรกิจโรงแรมซึ่งได้รับการบอกเล่า ต่อๆมาในกลุ่มนักเดินทาง โดยเฉพาะบรรดาทัวร์ลีดเดอร์ทั่วโลก

กฎเบื้องต้นคือ โรงแรมทุกๆ แห่งมักจะมีห้องพักอย่างน้อยหนึ่งห้องที่ปล่อยให้ว่างไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าโรงแรมห้องเต็มขนาดไหน พวกเขาจะไม่ขายห้องนั้นให้กับแขกคนใดทั้งสิ้น

ว่ากันว่าห้องพิเศษห้องนั้นได้ "สงวนไว้" สำหรับ "แขกพิเศษเหล่านั้น" ฉะนั้น เมื่อคุณมีแผนที่จะเข้าพักในโรงแรมแห่งใดแห่งหนึ่ง ควรจองล่วงหน้าไว้ก่อนเสมอ พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าพักแบบวอล์คอิน (Walk in)

ถ้าพนักงานต้อนรับได้บอกคุณไปแล้วว่าไม่เหลือห้องว่างอีกต่อไปแล้ว จงอย่าได้ดื้อดึงอยู่ต่อ หรือพยายามติดสินบนพวกเขาเพื่อที่จะให้พวกเขาให้ห้องพักแก่คุณ

ถ้าหากคุณทำอย่างนั้น เกือบทุกครั้งที่ห้องที่คุณได้ไปจะเป็น "ห้องพิเศษ" ที่ว่านั่น และอีกเช่นกันที่บางครั้ง "แขกพิเศษ" เหล่านั้น อาจจะโผล่ไปที่ห้องอื่นๆ ด้วย

ดังนั้นนี่คือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยว่าคุณจะป้องกันตัวคุณเองได้อย่างไร

ก่อนที่จะเข้ายังห้องพักของคุณ จงเคาะประตูก่อนทุกครั้ง แม้คุณจะรู้ว่านี่เป็นห้องว่างก็ตาม

หลังจากที่เข้าไปอยู่ในห้องแล้ว หากคุณรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในทันทีทันใด และมีอาการ "ขนลุก" จงออกจากห้องไปเงียบๆ และโดยทันที แล้วไปหาพนักงานต้อนรับเพื่อขอเปลี่ยนห้องใหม่ โดยส่วนใหญ่แล้ว พนักงานต้อนรับจะเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

หลังจากอยู่ภายในห้องแล้ว จงเปิดไฟให้ครบทุกดวงในทันที พร้อมกับเปิดผ้าม่านเพื่อปล่อยให้แสงแดดส่องเข้ามา

ก่อนเข้านอน จัดวางรองเท้าของคุณให้อยู่ในลักษณะกลับหัวกลับหางกัน บางคนบอกเอาไว้ว่านี่เป็นการแสดงถึงหลัก "หยิน-หยาง"เพื่อคุ้มครองคุณขณะที่คุณหลับ

จงเปิดโคมไฟทิ้งไว้อย่างน้อยดวงหนึ่งขณะที่คุณหลับ ยิ่งเป็นไฟในห้องน้ำยิ่งดี

หากคุณพักคนเดียว และห้องคุณเป็นเตียงคู่ อย่าเข้านอนโดยปล่อยให้อีกเตียงหนึ่งว่างเปล่า พยายามนำสิ่งของไปวางไว้เช่น กระเป๋าเดินทาง ที่เตียงว่างอีกเตียงหนึ่งก่อนที่คุณจะหลับ

เหตุเกิด.......... เพราะ พิมพ์เกิน

เหตุเกิด.......... เพราะ พิมพ์เกิน ณ. สถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่ง
นักศึกษาสาวสวย วิ่งพลางน้ำตาไหลเป็นทางไปยังห้องทะเบียน เพื่อพบอาจารย์หัวหน้าฝ่ายทะเบียน (ชายหนุ่ม)
ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

อาจารย์ : อ้าว…..เป็นอะไรไปละครับนักศึกษา หน้าตามอมแมมมาเชียว
นักศึกษา : สีหน้าไม่สบายใจอย่างมาก

อาจารย์ : ตกลงเธอมีปัญหาอะไร บอกอาจารย์มา อาจารย์จะได้ทำให้
นักศึกษา : คือว่า..ที่บอร์ดประกาศผลของมหาลัยฯ นะค่ะ

อาจารย์ : ทำไมหรือ บอร์ดมีปัญหาอะไร
นักศึกษา : บอร์ดไม่มีปัญหาอะไรหรอกคะ แต่ว่า ชื่อ-นามสกุล หนูนะคะ………………

อาจารย์ : ทำไม…..อ๋อ! เค้าคงพิมพ์ผิดละซิ…. ไม่เป็นไรหรอก เรื่องปกตินะ (หน้าเริ่มยิ้ม)
นักศึกษา : คือว่า……สำหรับคนอื่น คงไม่เป็นไรหลอกค่ะ แต่นามสกุลหนูหน่ะ………

อาจารย์ : ทำไมเหรอ นามสกุลหนูมันเป็นอะไร…. แล้วเธอ นามสกุลอะไร
นักศึกษา : หนูนามสกุล หีบหอม ค่ะ

อาจารย์ : อ้าว! ฝ่ายทะเบียนคงพิมพ์ตกตัว "บ ใบไม้" ละซิ
นักศึกษา : (เริ่มหน้าแดงมากขึ้น) ถ้าใช่คงดีกว่าละคะ

อาจารย์ : อ้าว??….แล้วมันยังไงล่ะ!!!!!
นักศึกษา : ก้อ……….

ฝ่ายทะเบียนเค้าพิมพ์ ไม้เอก เกินบนตัว "บ.ใบไม้ "

คำว่า 'ฉันรักเธอ' ในภาษาต่างๆ

คำว่า 'ฉันรักเธอ' ในภาษาต่างๆ

-ภาษาอังกฤษ แน่นอนว่า I luv U

-ภาษาฝรั่งเศษ เขาพูดกันว่า Je t'aime (เฌอ-แตม)

-ภาษาเยอรมัน เขาพูดกันว่า Ich Liebe Dich (อิคซ์ ลิน ดิกซ์)

-ภาษาอิตาเลี่ยน เขาพูดกันว่า Ti amo (ติ อาโม)

-ภาษาดัตซ์ เขาพูดกันว่า Ik hou van jou (อิคซ์ เฮา ฟาวน์เยา)

-ภาษาสวีเดน เขาบอกรักกันว่า Jag a Lskar dig (ย็อก แอลสการ์ เด)

-ภาษารัสเซีย เขาบอกรักกันว่า Ya vas Liubliu (ยาวาส ลุยบลิอู)

-ภาษาสเปน เขาบอกรักกันว่า Ta quiero (เตอ เควียโร)

-ภาษาโปรตุเกส เขาบอกรักกันว่า Amo-te (อโม-เท)

-ภาษาตุรกี เขาบอกรักกันว่า Seni Seviyorum (เซนี เซวีโยรัม)

-ภาษาญี่ปุ่น เขาบอกรักกันว่า Kimi o ai X eru (คิมิ โอ ไอ ชิเตรุ)

-ภาษาเกาหลี เขาบอกรักกันว่า No-rui sarang hae(โนรุย สะรัง เฮ)

-ภาษาจีนแบนดาริน เขาบอกรักกันว่า Wo ai ni (หว่อ อ้าย หนี่)

-ภาษาจีนแคระ เขาบอกรักกันว่า Ngai oi ngi (ไหง อ้อย หงี)

-ภาษาจีนฮกเกี้ยน เขาบอกรักกันว่า Auo ai Lu (อั๊ว ** ลู่)

-ภาษาอินโด เขาบอกรักกันว่า Saya cinta padamu(ซวยา จินตา ปาดามู)

-ภาษามาเลย์ เขาบอกรักกันว่า Saya cintamu (ซายา จินตามู)

-ภาษาฟิลปปินส์ เขาบอกรักกันว่า Mahal ka ta (มาฮัล กะ ตา)

-ภาษาเขมร เขาบอกรักกันว่า Bon sro lahn oon (ตอย ยิ่ว เอ๋ม)

-ภาษาพม่า เขาบอกรักกันว่า Chit pa de (จิท พา เด)

กรุ๊ปเลือดกับความโกรธ .. ลองดูกัน

คนเลือดกรุ๊ป A
คุณอาจจะต้องใช้เวลามากหน่อยกว่าเขาจะหายโกรธ เพราะเขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ปกติจะเป็นคนโกรธคนยาก จริงใจกับทุกคน แต่ถ้าลองใครทำให้โกรธล่ะเป็นเรื่อง ยิ่งเป็นคนที่เขาไว้ใจแล้วมาหักหลังกัน อาจถึงขั้นไม่ร่วมทางกันเลยเชียว

เวลาที่คนกรุ๊ป A โกรธ อย่าพยายามยับยั้งเขา หรืออย่าไปแก้ตัวแทนคนที่ทำให้เขาโกรธ เพราะเขาอาจพาลมาโกรธคุณด้วย พยายามเอาอกเอาใจเรื่องอื่น เวลาจะช่วยให้เขาหายโกรธได้ แต่ถ้าจะให้ดีอย่าทำให้เขาโกรธเลยเป็นดี


คนเลือดกรุ๊ป B
จริง ๆ แล้วคนเลือดกรุ๊ปนี้จะอารมณ์ดี ออกจะเป็นคนโกรธง่าย แต่ก็ลืมง่ายด้วย เขาจะโกรธใครได้ไม่นานนักหรอก สักพักเขาก็ลืมแล้ว ยิ่งมีเรื่องหนุก ๆ มาเล่าให้ฟัง หรือมีอะไรมัน...มันให้เขาทำก็ยิ่งดี

ถ้าคนเลือดกรุ๊ป B โกรธขึ้นมา ต้องพยายามอย่าไปใส่ใจมากนักในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าให้ทำเป็นไม่สนใจเขา นะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเขาอาจจะพาลโกรธมากขึ้น แค่อย่าไปพูดรื้อฟื้นทำให้เขาลืม ๆ ไป ยิ่งลืมเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี


คนเลือดกรุ๊ป AB
เขาจะเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง เป็นคนเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองสูง ถือดีเป็นที่สุด และไม่ชอบง้อใคร เวลาจะทำอะไรเขาก็เป็นคนมีเหตุผลพอสมควร แต่เหตุผลก็จะเข้าข้างตัวเองซะมาก เขาอาจจะทำให้คุณปวดหัวได้หากทำให้เขาโกรธ เพราะเขาจะไม่ยอมฟังคำแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น ก็บอกแล้วว่าเขามีเหตุผลที่ค่อนข้างเข้าข้างตัวเอง

ถ้าเขาโกรธก็ยอม ๆ เขาหน่อย ยอมที่จะเอ่ยคำว่าขอโทษคงไม่เสียศักดิ์ศรีของคุณเท่าไหร่หรอกมั้ง แค่เนี้ย.... เขาก็จะหายโกรธแล้ว


คนเลือดกรุ๊ป O
ความโกรธของคนเลือดกรุ๊ป O รุนแรงราวกับพายุเฮอริเคนก็ไม่ปาน เขาจะน่ากลัวมากเมื่ออยู่ในอารมณ์โกรธ อย่าไปขวางเชียวอาจโดนลูกหลงเข้าได้ แต่เขาเป็นคนมีเหตุผลมาก จึงเป็นเรื่องที่ยากหากจะทำให้เขาอารมณ์ดี

อย่างที่บอกแล้วว่า ถ้าโกรธจะแรงมาก แต่ถ้าเขารู้สาเหตุข้อเท็จจริงที่ทำให้เขาโกรธ อธิบายให้เขาฟังอย่างมีเหตุผลเขาก็จะหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง ประมาณว่าเหมือนไม่เคยโกรธกันมาก่อน



โดย :ทีมงาน TeeNee.Com

110 คำถามกวนๆ น่ารักๆ ยียวนใจ^^

"อิ่ม"ในญี่ปุ่นว่าอย่างไร
.:•:. อิ่มจัง

อะไร เอ่ยทำไม
.:•:. เหล็ก/โลหะ (ทำไมค์)

อะไร อยู่บนไอติม
.:•:. คางคก (คางคกขึ้นวอลล์)

ปีอะไร มีหลายสี
.:•:. ปีโป้

แล้ว...ปีอะไร มีสีเดียว
.:•:. ปีโป้อันเดียว

แล้ว...ปีอะไร ไม่มีสี
.:•:. ปีโป้หมดแล้ว

ครูอะไร ใช้ปากกาด้ามเดียว
.:•:. ครูวันเพ็ญ (One Pen)

แกงเขียวหวาน ทำอะไรถึงจะอร่อย
.:•:. กิน

นพมีโทรทัศน์ นัทมีอะไร
.:•:. นัท มีเรีย

รองเท้าอะไร หายากที่สุด
.:•:. รองเท้าหาย

ส้มบางอะไร หวาน
.:•:. ส้มบางลูก

ปลาอะไร ปากเล็กที่สุด
.:•:. ปลาบู่ (ทำปากจู๋ด้วย)

ปลาอะไร ปากกว้างที่สุด
.:•:. ปลาร้า (อ้าปากกว้างๆด้วย)

ปลาอะไร 2000 บาท
.:•:. ปาขยะไม่ลงถัง ปรับ 2000 บาท

ปลาอะไร สองตัวยี่สิบ
.:•:. ปลาตัวละสิบ

ปลาอะไร เข้าวัดไม่ได้
.:•:. ปาหัวเจ้าอาวาส

ปลาอะไร กินลูกตัวเอง
.:•:. ปลาใจร้าย

ปลาอะไร ชื่อยาวที่สุด
.:•:. ปาเจรา.…ขัตติยา..โหตุ…..จำไม่ได้แล้วยาวมาก

ปลาหมอ ตายเพราะอะไร
.:•:. ไม่หายใจ

ปลาอะไร สุภาพที่สุด
.:•:. ปลาคร้าบบบ…ฟ....

ทำไม ปลาจึงวางไข่
.:•:. เพราะถ้าโยน ไข่จะแตก

เอาช้างใส่ตู้เย็น มีกี่ขั้นตอน
.:•:. 3 ขั้นตอน เปิดตู้เย็น/เอาช้างใส่/ปิดตู้เย็น

แล้ว...เอายีราฟใส่ตู้เย็น มีกี่ขั้นตอน
.:•:. 4 ขั้นตอน เปิดตู้เย็น/เอาช้างออก/เอายีราฟใส่/ปิดตู้เย็น

แล้ว...ยีราฟวิ่งแข่งกับเต่า ใครชนะ
.:•:. เต่า (ยีราฟถูกแช่อยู่ในตู้เย็นเมื่อกี้เอง)

อะไรเอ่ย สวยแต่เหม็น
.:•:. นางสาวไทยตด

มันอะไร ข้างนอกสีเขียวข้างในสีแดง
.:•:. มันคือแตงโม

เดือนอะไร มี 32 วัน
.:•:. เดือนกว่า ๆ

อะไรเอ่ย คนหนึ่งรู้ สองคนรู้ สามคนไม่รู้
.:•:. ตด

ประเทศไทย มีอะไรครอบครอง
.:•:. สะพาน (ครอบคลอง)

น้ำอะไร ยืนได้
.:•:. น้ำตื้นๆ

ทำไมเวลาสิงโตตื่นนอนต้องหันซ้ายทีขวาที
.:•:. เพราะหันทีเดียวพร้อมกัน 2 ข้างไม่ได้

ทำไมพระยาพิชัยจึงเป็นทหาร
.:•:. ไม่ได้เรียนร.ด.

นาฬิกาตี 13 ครั้ง เวลานั้นเป็นเวลาอะไร
.:•:. เวลาเสียเงิน (นาฬิกาเสียแล้วต้องเสียค่าซ่อม)

หมาอะไร อดอยาก ผอมโซ
.:•:. หมาไม่แดก

งูอะไรทำเหมือนหมา
.:•:. งูเห่า

หมาอะไร ตีเท่าไหร่ๆ ก็ไม่ร้อง
.:•:. หมาอดทนจริงๆ

นายพรานยิงนกพิราบที่บินผ่านแต่ไม่ถูก แต่ ทำไม นกพิราบตัวนั้นจึงตกลงมาตาย
.:•:. นกพิราบหนวกหูเสียงปืน จึงเอาปีกปิดหู

แล้ว...ทำไมอีกามีสีดำ
.:•:. ไว้ทุกข์ให้นกพิราบที่ตกลงมาตาย

แล้ว...ทำไมอีแร้งถึงหัวเกรียน
.:•:. บวชให้นกพิราบที่ตกลงมาตาย

จุฬาเข้าไปธรรมศาสตร์ได้แต่ทำไมธรรมศาสตร์ เข้าไปในจุฬาไม่ได้
.:•:. จุฬาลงกรณ์ (ลงกลอน)

ใต้สะพานมีจระเข้ สัตว์เดินผ่านสะพานจะถูก กินหมด วันหนึ่งมีหมูเดินผ่านทำไมไม่โดนกิน

.:•:. จระเข้เป็นอิศลาม
อะไร อยู่บนกระดาษ

.:•:. ซาลาเปา
อะไร อยู่ใต้กระดาษ

.:•:. ซาลาเปาคว่ำ
ทำไมซาลาเปาถึงอาย

.:•:. เพราะโดนขนมจีบ
ทำไมขนมจีบถึงชอบซาลาเปา

.:•:. เพราะซาลาเปาทั้งขาว ทั้งอวบ
ทำไมเวลาเปิดตู้ยาต้องเปิดและปิดเบาๆ

.:•:. กลัวยานอนหลับตื่น
โยนนมสองกระป๋องลงน้ำ ทำไมกระป๋องนึงจม แต่อีกกระป๋องไม่จม

.:•:. นมตราหมี (จม) /นมตราเรือใบ (ลอย)
มีรถบรรทุกแล่นขึ้นสะพาน สะพายหัก รถตก ลงในน้ำ แต่ทำไมรถไม่จม

.:•:. รถคันนี้บรรทุกผงชูรส (ชูรถ)
มีรถบรรทุกปลาทู ปลาทูตกลงบนถนน รถคัน ที่ตามหลังมาแล่นมาทับ ทำไมปลาทู
ไม่ตาย
.:•:. ปลาทูแข็งแรงมาก

ปู่เกลียดอะไร
.:•:. สปาร์ค ยาฆ่าหญ้า (ฆ่าย่า)

ถ้าสโนไวท์อยากเป็นแม่ค้า ถามว่าจะขายอะไร
.:•:. ขนมครก (เพราะมีคนแคะทั้งเจ็ด)

10+10 เท่ากับเท่าไร
.:•:. = 25 (กระเทยตอบ "ยี่สิบฮ้าาาา...")

งูตกลงไปในถังขยะ ถามว่างูฉกอะไร
.:•:. ฉกกะปรก (เด็กพูดไม่ชัด)

โรงเรียนอะไร เล็กที่สุด
.:•:. โรงเรียนของหนู (ทำปากจู๋ด้วย)

ทำไมเรือไททานิคถึงล่ม
.:•:. เรือไททานิคร่ม (รื่น) เพราะมีหลังคา

เราเรียกผู้หญิงที่ไม่ยอมคุมกำเนิดว่าอะไร
.:•:. คุณแม่

ลูกที่ฆ่าพ่อแม่ตาย เรียกว่าอะไร
.:•:. ลูกกำพร้า

หลิวเต๋อหัวใช้บัตรวีซ่า อาฉีใช้บัตรอะไร
.:•:. บัดซบจริงๆเลย

จังหวัดอะไร ชีอ้อนสงฆ์
.:•:. สงขลาาาาาาา…

ชีอะไร ไม่ชอบว่ายน้ำ
.:•:. She doesn't like swim

ทำไมชี จึงไม่กล้าเข้าจุฬา
.:•:. กลัวพระ เกี้ยว

นกอะไรเอ่ย ตัวติดกับเท้า หัวก็ติดกับเท้า ปีกก็ ติดอยู่กับเท้า ปากก็ติดอยู่กับเท้าอีก
.:•:. นกโดนเหยียบ

พ.ศ.2499 ยุคอันตรพาลครองเมือง อีก 5 ปีถัดมาจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
พ.ศ.2504 ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม (ร้องเป็นเพลงด้วย)

โก๋แก่ ทำจากอะไร
.:•:. ทำจาก "มัน" (โก๋แก่มันส์ทุกเม็ด)

คนอะไรมีสองตา
.:•:. คนที่มีสองยาย

ทำไม ไม่ควรดื่มสุราขณะขับรถ
.:•:. เพราะเหล้าจะหก

เซอร์ไอแซคนิวตันรู้อะไร จากการที่ลูกแอปเปิ้ล ตกลงมาที่ที่เขานั่ง
.:•:. ควรจะย้ายไปนั่งที่อื่น

กาอะไรมี 5 เสียง
.:•:. กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า

ทำไมนกจึงบินมาประเทศไทยจากทางทิศใต้
.:•:. เพราะมันเดินมาไม่ได้..ไกลมาก

ทำไมหินถึงจมน้ำ
.:•:. ว่ายน้ำไม่เป็น

"สลิมเคย" คืออะไรอยู่ในกรุงเทพฯ
.:•:. บางกะปิ (สลิม=บาง / เคย= กะปิ)

น้ำอะไรที่โลกไม่ต้องการ
.:•:. น้ำหน้าอย่างคุณ (อย่างแก..อย่างมึ_…สุดแล้วแต่)

สีอะไรดูโง่ๆ
.:•:. สีหน้าคุณตอนนี้ไง (หน้าแก..หน้ามึ_…สุดแล้วแต่)

ยูริ โตชิ และยางิ เป็นเพื่อนกันถามว่าใครบ้า
.:•:. โตชิ (โตชิบ้า)

ตาของซินเดอเรลล่า ชื่ออะไร
.:•:. ชื่อแอน (แอนตาซิน)

ชิเป็นหลานใคร
.:•:. เป็นหลาน "ฮิ" (ฮิตาชิ)

อะไรเอ่ย มัจฉาอ่อนแรง
.:•:. ปลาร้า (อ่อนล้า)

ปัจจุบันอักษรในภาษาอังกฤษมีกี่ตัว
.:•:. 24 ตัว (เดิมมี 26 ตัวแต่ E.T. Go Home ไปแล้ว 2 ตัว)

หมูอะไรเอ่ยกินไม่อิ่ม
.:•:. หมูน้อยๆ

แล้ว...หมูอะไรกินอิ่ม
.:•:. หมูน้อยๆ ข้าวเยอะๆ

ต้นอะไรออกลูกเป็นแมว
.:•:. ต้นตระกูลแมว

จระเข้หางขาด แล้วจะเป็นอย่างไร
.:•:. เป็นแผลที่หาง

พยาบาลกลัวอะไรที่สุด
.:•:. กลัวหมอฟัน

ก่อนเป็นพยาบาลต้องเป็นอะไรมาก่อน
.:•:. พยาตูม (ต้องตูมก่อนถึงจะบาน)

โรงเรียนอะไรอยู่กลางถนน
.:•:. โรงเรียน ลดความเร็ว (ป้ายจราจร)

สิทธิชัย หยุ่น ชอบเบอร์อะไรมากที่สุด
.:•:. เบอร์กามอท

ทำไมชีวิตคนเราต้องมีการเปลี่ยนแปลง
.:•:. เพราะแปรงเก่า ใช้มานานจนขนแปรงบานแล้ว

วันอะไรไม่ควรสระผม
.:•:. วันพฤหัส (วันพฤหัสสระบ่ดี)

ยายพายเรือไปวัด เรือก็มีแล้ว พายก็เอาไป ยายขาดอะไรถึงไปไม่ถึงวัด
.:•:. ขาดใจตาย

เงินสกุลอะไรน่ากลัวที่สุด
.:•:. เงินบาด

มีอะไร ตัวสีขาว หัวสีแดง ขาสีฟ้า ตาสีรุ้ง
.:•:. มีที่ใหนกันเล่า..โธ่เอ๋ย

ทำไมจึงต้องเติมจุดที่ซาลาเปา
.:•:. จะได้รู้ว่าลูกใหนเติม ลูกใหนยังไม่เติม

ลุ่มน้ำอะเมซอลเป็นแหล่งที่อยู่ของปลาปีรันย่า ถ้าคนตกลงไปจะเป็นอย่างไร
.:•:. เปียก

ทหารราบ กลัวอะไรที่สุดในสงคราม
.:•:. ทหารลาว (เพราะทหารลาวกินลาบ)

อะไรรุนแรงกว่า "ลูกเตะ"
.:•:. พ่อเตะ

ทำไมขับรถชนนก ถึงต้องติดคุก
.:•:. ขับรถไปชนนกหวีดที่ติดอยู่กับปากตำรวจจราจร

ผู้ชายกับผู้หญิง ใครฉี่ไกลกว่ากัน
.:•:. ผู้หญิง (ผู้ชายฉี่ข้างๆรถได้ แต่ผู้หญิงต้องไปฉี่ไกลถึงโน่น)

ห้องน้ำชายกับห้องน้ำหญิง ห้องไหนเหม็นกว่ากัน
.:•:. ห้องน้ำหญิง (หน้าห้องน้ำชายเขียนแค่เหม็น (Men) แต่ เหม็นกว่ากัน ห้องน้ำ
หญิงเขียนว่า วู้…เหม็น (Women))

พระใช้อะไรตีระฆัง
.:•:. ใช้เณร

มนุษย์ไฟฟ้าสีอะไร กินข้าวเหนียว
.:•:. ศรีสระเกษ

คิดอะไร เราอดกิน
.:•:. คิด คิด เพื่อนเคี้ยว

ทำไม ฝนจึงตก
.:•:. ฝนตก เพราะฝนไม่มาสอบ/หรือไม่อ่านหนังสือสอบ

กัดแอปเปิ้ล1คำเจอหนอน1ตัว กัด2คำเจอ2ตัว ถามว่ากัดจนเจอหนอนกี่ตัวจึงตกใจสุดขีด
.:•:. ครึ่งตัว

อาภาพร นครสวรรค์ชอบสัตว์อะไร
.:•:. ม้า (ชอบม้า..ชอบม้า…รูปร่างหน้าตาอย่างเนี้ย….)

ถ้า"ยุ้ย"เป็นพยาบาลแล้ว "ยอม"เป็นอะไร
.:•:. ยอมเป็นข้าวมันไก่ (เพลงของเจมส์)

จากเพลง"แมลง"ของทาทา "โปรมีสิต"อะไร
.:•:. โปรมีสิทธิ์จะไทร์ (ออก)

ใครเป็นคนเทเบียร์ลีโอให้ผู้ว่าฯ ในโฆษณา
.:•:. นิโคล (นิโคล เทลีโอ)

ไบรโอนี่มีเขา แล้วไบกอนมีอะไร
.:•:. มีขายตามท้องตลาด

จากหนังเรื่องนางนากตายแล้วต้องห่อด้วยเสื่อ ถามว่าใครห่อนาก
.:•:. นิติพงษ์ (ห่อนาค)

ย่าของหญิงชื่ออะไร
.:•:. ชื่อญา (ญา ย่า หญิง)

:+: 10 คำ ค ม ข อ ง เ ฒ่ า หั ว งู :+:

1. อายครูไม่รู้วิชา... อายภรรยาไม่มีบุตร
แต่ถ้าได้ครูเป็นภรรยา... จะได้ทั้งวิชาและบุตร
2. รักเมียเสียเพื่อน... รักเพื่อนเสียเมีย
แต่ถ้ารักเมียเพื่อน... จะเสียทั้งเพื่อนและเมีย

3. ผู้ชายนั้น...รักจริงแต่เอาเล่น ๆ
...แต่ผู้หญิงรักเล่น ๆ... แต่เอา(เป็นผัว)จริง ๆ

4. มีความพยายามอยู่ที่ไหน...
มีความสำเร็จอยู่ที่นั่น...
แต่บรรดาเฒ่าหัวงูทั้งหลายบอกว่า
มีตัณหาอยู่ที่ไหน... มีความพยายามอยู่ที่นั่น

5. การไอหรือจาม... จะเป็นอันตรายถึงชีวิต...
ถ้าท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย...
ไอหรือจาม...อยู่ใต้เตียงเมียของคนอื่น

6. ที่ใดมีรัก... ที่นั่นมีทุกข์ ...เพราะฉะนั้น...
เราะจะไปแต่ที่ใดซึ่งมีแต่ความรัก
ที่นั่น...เราจะไม่ไป... เพราะมีแต่ความทุกข์

7. อิทานังทุกขังโลเก... หมายถึง...
การเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลก
แต่คนแก่ที่ไม่ยอมสู้ทั้งหลายก็คือ...
กาเมมรณังทุกขังโลเก... กามตายด้านเป็นทุกข์ในโลก

8. ทำดีได้ดี... ทำชั่วได้ชั่ว... หรือหว่านพืชเช่นไร...
ย่อมได้ผลเช่นนั้น
มีข้อยกเว้นคือ... ปลูกถั่วเขียว ...ได้ถั่วงอก

9. ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว
...จะสูญเสียทั้งข้างหน้าและข้างหลัง...
สูญเสียข้างหน้า... คือนางสาว... (เหลือแต่นาง)
สูญเสียข้างหลัง ...คือนามสกุล... (รู้นะคิดอะรัยอยู่
อิอิ)

10. น้องเมีย...เป็นทรัพยากรอันมีค่ายิ่งของพี่เขย...
ใครบังอาจมาจีบน้องเมีย...
ถือว่าเป็นผู้ที่ทำลายความหวัง....อันบรรเจิดจ้าของพี่เขย

ที่มา forword mail

17 คำหวานไว้จีบสาว

1. ผมอยากเป็นซูปเปอร์แมน... จะได้มองทะลุเข้าไปในใจคุณ

2. ผมผิดเองแหละ ที่ไม่ยอมหลบสายตาคุณในวันนั้น... ทำให้ผมต้องตามตื๊อคุณอยู่จนทุกวันนี้

3. ผมอยากไปเผาตำราภาษาศาสตร์ทิ้งไปให้หมดทั้งโลก... เพราะกะอีแค่หานิยามความรู้สึกของผมในตอนนี้ แค่นี้ยังไม่เห็นจะทำให้มันบรรยายออกมาเป็นภาษาได้เลย

4. ถ้าพรุ่งนี้ผมตายไปก็คงไม่แปลก... เพราะชีวิตผมที่เกิดมา มีหน้าที่เพียงแค่มาพบคุณในวันนี้เท่านั้นเองแหละ

5. ถ้าการทำลาย The Matrix ทำให้คุณหายไป... ต่อให้มี The one กี่คน ผมก็คงจะตามฆ่ามันจนได้

6. ยังตัดสินใจไม่ได้ใช่ไหม เอางี้ครับ โยนหัวก้อยกัน ... ถ้าออกหัว คุณมาเป็นแฟนผม... ถ้าออกก้อย ผมจะยอมเป็นแฟนคุณ

7. ผมรู้สึกโง่มากเหลือเกิน ที่วันนี้ได้คุยกับคุณ... โง่ที่ไปทำอะไรอยู่ตั้งนาน ที่ไม่เคยได้คุยกับคุณเลย

8. ผมรู้แล้วว่าทำไมความรักทำให้คนตาบอด... ก็คุณเล่นเอาดาวทั้งจักรวาลมาใส่ไว้ในตาคุณนี่นา

9. (กรณีจีบคนอายุน้อยกว่า) รู้ไหม ว่าชีวิตผมจริงๆ แล้วเริ่มต้นเมื่อตอน อายุ 5 ขวบ... ก็เมื่อตอนที่ชีวิตอีกครึ่งที่เหลือของผมมาเกิดนั่นแหละครับ

10. (กรณีจีบคนอายุมากกว่า) พระเจ้าท่านสร้างคุณมาก่อน... แล้วจึงสร้างผมขึ้นมาให้ใช้สำหรับคุณโดยเฉพาะ

11. ผมจะไปแจ้งความให้ตำรวจไปจับนางงามจักรวาล... ก็เธอขโมยมงกุฎไปจากคุณไม่ใช่เหรอ

12. ดูก็รู้ คุณเป็นลูกครึ่งแน่ๆ... ครึ่งมนุษย์ครึ่งนางฟ้า

13. อยากส่องกระจกเหรอครับ... มองตาผมสิ ในนั้นมีแต่ภาพคุณ ...

14. ช่วยโยนเชือกให้หน่อยครับ... ผมตกลงไปในหลุมรักคุณ แล้วปีนขึ้นมาเองไม่ได้ (อู้ววว ขนลุก เขียนออกมาด้าาาย)

15. (มุขนี้เอาไว้ใช้กับตำรวจ ทนาย หรือ สาวในวงการยุติธรรม) ขอปรึกษาปัญหากฎหมายหน่อยได้ไหมครับ... ข้อหาลักลอบแอบชอบผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ผิดกฎหมายมาตราไหนครับ

16. (สำหรับพวกแอบปิ๊งเพื่อนของเพื่อน) เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมครับ... เขาทำให้ผมได้พบสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต

17. (สำหรับคนที่จีบหมอ) จะฟังตรวจเสียงหัวใจผมเหรอครับ... เอ๊ะ เอาให้หมอไปแล้วตั้งแต่เจอกันไม่ใช่เหรอ ....

เข้าใจระบบเศรษฐกิจจากควาย

สังคมนิยม
คุณมีควาย 2 ตัว และคุณให้เพื่อนบ้าน 1 ตัว

คอมมิวนิสต์
คุณมีควาย 2 ตัว รัฐเอาไปหมดทั้ง 2 ตัว และให้นมควายคุณบ้าง

ฟาสซิสต์
คุณมีควาย2 ตัว รัฐเอาไปหมด และขายนมให้คุณบ้าง

นาซี
คุณมีควาย 2 ตัว รัฐเอาไปทั้ง 2 ตัว และยิงคุณ

บูโรแครต
คุณมีควาย 2 ตัว รัฐเอาไปทั้ง 2 ตัว ยิงตายไปหนึ่ง รีดนมตัวที่เหลือ และก็ละเลยไม่หาประโยชน์จากนมที่ได้มา

ทุนนิยม
คุณ มีควาย 2 ตัว คุณขายไปหนึ่งตัว และเอาเงินซื้อพ่อควายมา ฝูงควายเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจขยายตัว คุณขายฝูงควายได้เงินมา แล้วก็เกษียณอายุตัวเอง

เอกชนอเมริกัน
คุณ มีควาย 2 ตัว ขายไป 1 ตัว และบังคับให้ตัวที่เหลือผลิตนมในปริมาณเท่ากับ 4 ตัวผลิต ต่อมาก็จ้างที่ปรึกษามาวิเคราะห์ว่าทำไมควายจึงตาย

เอกชนฝรั่งเศส
คุณมีควาย 2 ตัว คุณนัดการให้มีประท้วง จราจลกีดขวางถนน เพราะว่าคุณต้องการควาย3 ตัว

เอกชนญี่ปุ่น
คุณ มีควาย2 ตัว คุณออกแบบและปรับแต่ง จนมันมีขนาดเท่ากับ 1 ใน 10 ของควายขนาดธรรมดา แต่ผลิตนมได้ 20 เท่าของควายปรกติ แล้วคุณก็สร้างตัวละครการ์ตูนชื่อว่า " Buffkimon" ขายไปทั่วโลก

เอกชนเยอรมัน
คุณมีควาย 2 ตัว คุณรีเอ็นจิเนียร์มันจนมีอายุ 100 ปี กินอาหารเดือนละครั้งและรีดนมตัวเอง

เอกชนรัสเซีย
คุณ มีควาย 2 ตัว คุณนับมันและพบว่ามี 5 ตัว คุณก็นับมันอีกครั้งพบว่ามี 42 ตัว และคุณก็นับมันอีกจนพบว่ามี 2 ตัว คราวนี้คุณหยุดนับและเปิดเหล้าวอดก้าอีกขวด

เอกชนสวิส
คุณมีควาย 5,000 ตัว ไม่มีตัวใดเป็นของคุณเลย แต่คุณเก็บเงินจากเจ้าของเป็นค่าดูแล

เอกชนจีน
คุณ มีควาย 2 ตัว มี 300 คนรุมรีดนม คุณประกาศว่าคุณมีการจ้างงานเต็มที่ แถมควายของคุณมีผลิตผลสุดยอดและจับผู้สื่อข่าวที่รายงานสถานการณ์จริงเข้า คุก


เอกชนอินเดีย
คุณมีควาย 2 ตัว เพื่อเอาไว้เทิดทูนบูชา

เอกชนอังกฤษ
คุณมีควาย 2 ตัว ทั้ง 2 ตัวบ้าหมด ( โรควัวบ้าเป็นที่รู้จักกันครั้งแรกในอังกฤษ)

เอกชนอิรัก
ทุก คนคิดว่าคุณมีควายหลายตัว คุณบอกว่าคุณไม่มี แต่ไม่มีใครเชื่อคุณ ดังนั้นจึงถูกบอมบ์แหลกยับเยิน ถูกบุกยึดประเทศ ถึงกระนั้นคุณก็ยังไม่มีควาย แต่อย่างน้อยที่สุด ปัจจุบันคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย

ไทย
คุณมี ควาย 2 สี วันๆไม่ทำอะไร เอาแต่ วิ่งชนกัน จนคอกพังเป็นแถบๆ

06 มีนาคม 2552

ยาแก้อาการอกหัก

ตัวยามีส่วนผสมดังนี้

1. น้ำใจเพื่อนที่ปรารถนาดี 5 กรัม

2. น้ำตาพ่อแม่ที่รักเรา 10 หยด

3. ความเข้มแข็ง 10 ช้อนชา

4. รากแห่งศักดิ์ศรี 5 กรัม

5. ใบเจ็บแล้วจำ 5 ใบ

6. ความใฝ่ดี 5 ช้อนชา

7. ความเข้าใจ(ในรัก) 5 ช้อนชา

8. สติ 20 กรัม

9. สมาธิ 5 กรัม

10. ปัญญา 20 กรัม

11. น้ำล้างตา(ให้สว่าง) 2 ฝา

12. ความรักตัวเอง เท่ากำปั้นของตัวเอง



วิธีปรุงยา

ทันทีที่อกหักให้รีบนำส่วนผสมทั้งหมดมาบดให้ละเอียด

แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียว

แล้วปั้นเป็นรูปหัวใจเล็ก ๆ ใส่ขวดพร้อมติดฉลาก "ยาแก้อกหัก"



วิธีกิน

ให้ กินวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เป็นเวลาติดต่อกันจนหายจากอาการเจ็บอก ยานี้ไม่มีวันหมดอายุ สามารถเก็บไว้รักษาอาการอกหักได้ตลอดไป และควรพกติดตัวตลอดเวลาเพื่อแจกจ่ายให้กับเพื่อนฝูงและผู้คนทีอกหักให้กิน ได้ทันท่วงที!!!!

วิธีท่องจำ ก-ฮ เวอร์ชั่นทันสมัย

ก.กิ๊ก หาไม่ยาก ไม่ลำบากแค่ม่อไว้

ข.ไข่ ไขหัวใจ ไช้คารมนิยมกัน

ฃ.ขวด ชวนดวดเหล้า เมื่อกิ๊กเราสนิทกัน

ค.ควาย ใช้เรียกกัน เมื่อแฟนท่านเป็นกิ๊กเรา

ฅ.ฅน ค้นหาไป ค้นหาใคร ถูกใจเขา

ฆ.ระฆัง ดังปลุกเร้า ให้ใจเราเส่ากระสั่น

ง.งู อยู่บนหัว มีกันทั่ว ตัวเราท่าน

จ.จูบ จูบเธอนั่น สุดระส่ำ สำราญใจ

ฉ.ฉิ่ง หญิงกิ๊กคู่ เพลินเพลินอยู่ มิสนไข่

ช.ช้าง ช่างประไร เรื่องหัวใจ ไม่เกี่ยวกัน

ซ.โซ่ อย่าเซ่อซ่า แฟนเดินมา พากิ๊กหลบพลัน

ฌ.เฌอ บอกเธอนั่น แค่เพื่อนกัน มิมีไร

ญ.หญิง นั่นโปรดรู้ ผู้ชายเจ้าชู้ พิสูจน์ดูได้

ฎ.ชฎา พาสวมใส่ ต่อหน้าแฟนไซร้ จำต้องใส่ชฎา

ฏ.ปฏัก รักแอบซ่อน สาววัยละอ่อน ร่อนหัวใจมา

ฐ.ฐาน มิพานช้า รากฐานแน่นหนา พาแฟนเชื่อใจ

ฒ.เฒ่า เธอไม่โง่ อุตส่าห์โม้ หลายนาที

ณ.ณรงค์ จงต่อสู้ บอกให้รู้ ให้ชัดเจน

ด.เด็ก ที่เธอเห็น เป็นเพียงเพื่อนโปรดเชื่อที

ต.เต่า เธอไม่โง่ อุตส่าห์โม้ หลายนาที

ธ.ธำรงค์ อันวงนี้ พี่ให้น้องแต่ผู้เดียว

ท.ทูน หัวของผัวจ๋า เชื่อเถิดหนา เธอมะเกี่ยว

ถ.โธ่ถัง ม่อตัวเดียว ทำเราเสียว เกือบเลิกกะแฟน

น.น้องหนู ต้องระวัง เจอครั้งหน้าอย่าเกาะแขน

บ.บอก บอกกับแฟน ที่เกาะแขน แค่น้องกัน

ป.ปลา ปลอดเรื่องแล้ว หัวใจแป้ว แป่วนะนั่น

ผ.ผึ้ง ผู้กิ๊กกัน ความสำคัญ ต้องรองแฟน

ฝ.ฝ่อ เธอจับได้ เราให้ใครไปควงแขน

พ.พอ พอแล้วแฟน จะหวงแขนมิแบ่งใคร

ภ.สำเภา เราเขารู้ พินิจดู พอรู้ได้

ม.ม่อ กันต่อไป ตราบหัวใจยังกิ๊กกัน

ย.หยุด พอแฟนรู้ เธอไม่อยู่กิ๊กต่อพลัน

ร.เรา เรากิ๊กกัน แสนสุขสันต์ สำราญใจ

ล.ล่อ หลังป้อกิ๊ก ระรี้ริก กิ๊กชอบใจ

ว.ว๊า พาหน่ายใจ กิ๊กบอกไม่ เมนเธอมา

ศ.เศร้า เฉาเลยนี่ โถได้ที่ หนีแฟนมา

ษ.ษอ อะไรหว่า ตูจะบ้า ขอผ่านไป

ส.เสือ หิวโซเซ โอ้ละเห่ แสนเสียใจ

ห.หา ลาก่อนนู๋ เดี๋ยวแฟนตรู เค้ารู้ทัน

อ.อ่วม แน่เลยฉัน ถ้าแฟนนั้น เค้ารู้ที

ฮ.นกฮูก ตัวสุดท้าย ก่อนจากไปในวันนี้ ท่องไว้ นะเด็กดี หากคิดมี(กิ๊ก)ไว้แก้เซ็ง