31 มกราคม 2554

รถไฟฟ้า มาหานะเธอ



รถไฟฟ้า มาหานะเธอ (อังกฤษ: Bangkok Traffic Love Story) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ ออกฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552 กำกับโดย อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม กำกับภาพโดย จิระ มะลิกุล ได้รับเรตติ้ง "ท" (ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ดูทั่วไป)[3] นำแสดงโดยธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ศิริน หอวัง และอังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา
ภาพยนตร์นำเสนอในมุมมองของ "เหมยลี่" พนักงานบริษัทสาวโสดวัย 30 ปี ที่พบรักกับวิศวกรรถไฟฟ้าของรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานที่ถ่ายทำส่วนใหญ่ถ่ายทำในรถไฟฟ้า สถานีรถไฟฟ้า บริษัทรถไฟฟ้าบีทีเอส รวมถึงสถานที่อื่นในกรุงเทพมหานคร อย่าง ถนนจันทน์ สองฝั่งคลองริมแม่น้ำเจ้าพระยา พระที่นั่งอนันตสมาคม เยาวราช ท้องฟ้าจำลอง เป็นต้น
ภาพยนตร์ได้รับการตอบรับอย่างดี เปิดตัวรายได้ในวันแรกที่ 15.1 ล้านบาท ทำลายสถิติรายได้วันเปิดตัวในปีนี้ของภาพยนตร์ ห้าแพร่ง ที่ 14.9 ล้านบาท ติดอันดับ 1 ยาวนาน 4 สัปดาห์ ทำรายได้รวม 147 ล้านบาท นอกจากนั้นภายหลังภาพยนตร์ฉายยังมีออกในรูปแบบการ์ตูน ส่วนด้านรางวัลที่ภาพยนตร์เรื่อง รถไฟฟ้า มาหานะเธอ ได้รับ คือสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จาก 2 สถาบันคือรางวัลขวัญใจสื่อมวลชนและท็อปอวอร์ด 2009 รวมถึงยังได้รับรางวัล ภาพยนตร์ยอดนิยมจากสตาร์พิกส์อวอร์ด ส่วนในด้านรางวัลการแสดง คริส หอวัง ได้รับรางวัลประเภทนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากหลายสถาบัน








เนื้อเรื่อง
ในคืนวันแต่งงานของเป็ด (ปาณิสรา พิมพ์ปรุ) ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ เหมยลี่หรือลี่ (ศิริน หอวัง) เพื่อนสนิทของเป็ด ซึ่งเมาหัวราน้ำก็นอนหลับในห้องของเป็ด หลังจากที่ตื่นและเริ่มสร่างเมาแล้วจึงขับรถกลับบ้าน แต่ก็ขับรถไถข้างทางจนกระจกข้างรถกระเด็นออกไป และได้พบกับลุง (ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) ผู้เข้ามาช่วยดูเครื่องยนต์รถที่สตาร์ทไม่ติดให้ เมื่อลี่ถึงบ้านในตอนเช้า พ่อแม่และอาม่าก็มาต่อว่าถึงหน้าบ้านและพ่อยังไม่ให้ขับรถไปทำงานอีก ทำให้ลี่ต้องมาทำงานโดยการขนส่งมวลชนแทน
คืนหนึ่งลี่ตื่นขึ้นมากลางดึกและแอบขึ้นไปกินเบียร์บนดาดฟ้า ลี่บังเอิญพบกับเพื่อนร่วมกัน ซึ่งแนะนำให้เธอรู้จักลุง หลังจากนั้นลี่ก็ได้พบกับลุงอีกครั้งบนสถานีรถไฟฟ้า ครั้งนี้ลี่ทำแว่นตาเรย์แบนของลุงหล่นไปจนพัง ลี่ได้ปรึกษารุ่นน้องแถวบ้านที่ชื่อ เพลิน (อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา) โดยแนะนำให้เขียนเบอร์โทรศัพท์ให้ ลี่จึงได้ซื้อแว่นตาและได้เขียนเบอร์โทรศัพท์ไว้บนกล่องและหาโอกาสให้แว่นตาใหม่ แต่ลุงก็ไม่โทรมาหา ลี่และเพลินมาดักรอที่ร้านวิดีโอที่คาดว่าลุงจะมา จนได้เจอลุงอีกครั้ง แต่เพลินสามารถหาวิธีเอาเบอร์โทรศัพท์ของลุงมาได้แต่ไม่ให้ลี่ ในเวลาต่อมาเพลินได้มาเป็นพนักงานร้านวิดีโอที่ลุงเช่า ลี่แก้เผ็ดเพลินโดยใช้โทรศัพท์ของเพลินส่งข้อความไปหากิ๊กของเพลินให้มาพบกันทั้ง 3 คน จนเกิดทะเลาะวิวาทกัน ลุงได้เข้ามาในร้านพอดีและถือแล็ปท็อปมาด้วยก็เกิดทำตกลงพื้น
ด้วยความสำนึกผิด ลี่จึงอาสาเอาแล็ปท็อปของลุงให้สามีของเป็ดซ่อม แต่ก็ซ่อมไม่ได้ จึงเอามาคืนที่สำนักงานรถไฟฟ้าบีทีเอส ทั้งนี้เธอตั้งใจจะฝากข้อความกับผู้รักษาความปลอดภัย แต่ก็หลับไปก่อน เมื่อลุงเลิกงานก็กลับบ้านพร้อมกับลี่ด้วยรถไฟฟ้า แต่กระเป๋าที่ใช้มาตั้งแต่ยังเรียนก็เกิดพังขึ้นมาจึงจะนำไปทิ้งลงถังขยะ แล้วลี่ก็เก็บกระเป๋าของลุงเอาไว้ ในนั้นพบของหลายอย่าง รวมถึงฟิล์มถ่ายรูป ลี่จึงนำฟิล์มไปล้างพบภาพลุงกับนักแสดงสาว กบ กวิตา (ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) ในละครโทรทัศน์เรื่อง "น้ำตากามเทพ" แต่แล้วภาพก็หลุดไปทางอินเทอร์เน็ตจนเป็นข่าวใหญ่โตทางหน้าหนังสือพิมพ์
ลี่ได้พบลุงอีกครั้งบนรถไฟฟ้าในขณะที่เขายังนอนหลับอยู่ ลี่ได้บอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องข่าวว่าภาพอาจจะหลุดมาจากฝีมือของเธอ แต่ลุงก็ไม่ถือสาอะไร ลุงได้เล่าว่านักแสดงสาว กบ เป็นแฟนเก่าและเลิกกันเพราะเวลาไม่ตรงกัน จากนั้นพอถึงสถานีเอกมัย ลี่ชวนลุงมาดูดาวที่ท้องฟ้าจำลอง และเดินมาดูนิทรรศการเกี่ยวกับดาวหางแมกไบรท์ที่จะโคจรมาถึงโลก ลี่ชวนลุงดูดาวหาง หลังจากนั้นไม่นานก่อนสงกรานต์ ลุงชวนลี่มาเล่นสงกรานต์กัน แต่ลี่ซึ่งตกลงกับทางบ้านว่าจะไปประเทศจีนในช่วงวันนั้นพอดี ก็แก้ตัวว่าลืมหนังสือเดินทางอยู่ที่บ้าน เธอจึงไม่ได้ไปประเทศจีนกับครอบครัว
ในช่วงสงกรานต์ ที่ทั้ง 2 นัดกัน เพลินก็เข้ามามีส่วนร่วมตามไปด้วย ลี่ไม่รู้สึกสนุกกับการเล่นเพราะมีก้างขวางคออยู่ ทั้ง 3 คนแยกทางกันจากรถสองแถว ลี่ก็ได้รู้จักบ้านลุงที่เป็นเกสต์เฮาส์อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ลี่กลับบ้านมาเปลี่ยนชุด หลังจากนั้นไปเที่ยวกันตอนดึก ทั้ง 2 เที่ยวกันในสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร ลุงชวนลี่ไปในกิจกรรมวันครอบครัวของรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่สามารถชวนครอบครัว คนรู้จักเข้าไปในสถานีได้ ลุงถ่ายรูปแต่ก็แย่งกล้องถ่ายรูปกันอีกจนกล้องพัง
ในวันครอบครัว ก็ทำให้ลี่ได้รู้ว่าลุงจะไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมนี ในอีก 2 วัน ทำให้ลี่ถึงกับอึ้งไป ต่อมาลี่ก็มาที่บ้านลุงในสภาพข้าวของที่ถูกห่อหีบแล้ว ทั้งคู่เดินไปคุยที่สะพานสาทร ลี่ก็จากลากับลุงที่สะพาน โดยลี่บอกว่าขอแค่เป็นคนรู้จักกัน ในวันถัดมาซึ่งเป็นวันที่ลุงเดินทางไปประเทศเยอรมนีในตอนเช้า ลูกจ้างชายที่อยู่เกสต์เฮาส์ของลุงได้ฝากกล่องให้ลี่ ในนั้นมีกระจกข้างของรถลี่ในวันที่เจอกันวันแรก แว่นตาเรย์แบนที่ลี่ทำแตก ตั๋วเข้าท้องฟ้าจำลอง แล็ปท็อบที่ทำตกพัง และกล้องถ่ายรูปที่พัง แต่ในนั้นยังมีเมโมรีการ์ดอยู่ ลี่เปิดมาดูเห็นภาพที่ลุงแอบถ่ายลี่ในสภาพความเป็นธรรมชาติ ลี่น้ำตาไหลและรีบออกไปสนามบินสุวรรณภูมิแต่ก็สายเกินไป ลุงออกเดินทางไปแล้ว ในวันนั้นเองซึ่งเป็นวันที่ดาวหางแม๊กซ์ไบรท์ซึ่งโคจรเฉียดโลกมาพอดี ลุงซึ่งอยู่บนเครื่องบินดูดาวหางบนเครื่องบินในขณะที่ลี่ก็ดูดาวหางอยู่เช่นกัน
2 ปีถัดมา ลี่ทำงานกะกลางคืน ในขณะที่เดินทางไปทำงานลี่บังเอิญได้พบกับลุงอีกครั้งบนสถานีรถไฟ ลุงเปลี่ยนมาทำงานกะกลางวันและกลับมาประเทศไทยราว 2-3 เดือน ทั้งคู่ลงจากรถไฟฟ้ามาที่สถานีสยาม ซึ่งเป็นสถานีเปลี่ยนเส้นทางระหว่างสายสุขุมวิทและสายสีลม ลี่ลงบันไดมาชั้นล่างเพื่อเปลี่ยนเส้นทางโดยไม่หันหลังกลับไปมองลุงเลย ลี่ต่อรถไฟฟ้าแต่แล้วรถไฟฟ้าเกิดขัดข้องไฟดับบนเส้นทาง คนในรถไฟฟ้าต่างโทรศัพท์หาแฟนหรือเพื่อน แต่แล้วก็มีโทรศัพท์เข้ามาสายเข้าจากลุงบอกว่ารถไฟขัดข้อง ลุงก็ชวนลี่ไปเที่ยวสงกรานต์กัน ลี่ก็ตอบว่าว่าง จนเกือบจะร้องไห้ เมื่อไฟมาลุงก็อยู่ในรถไฟฟ้านั้นแล้ว แล้วบอกว่าให้บันทึกเบอร์ไว้





ไม่มีความคิดเห็น: