17 กันยายน 2554

‘ทาทา’ฮึดสู้ปิกอัพ-เก๋งเล็ก เปิดรุ่นใหม่รับตลาดเดือด!


 ข่าวในประเทศ-ค่ายรถแดนภารตะ “ทาทา” ดิ้นหนีตายอุตลุด ไม่เพียง 4 ค่ายยักษ์ใหญ่จ่อคิวเปิดตัวปิกอัพโฉมใหม่ถล่มตลาด ยังเจอสถานการณ์ความไม่แน่นอนของปริมาณก๊าซซีเอ็นจี และนโยบายปรับราคาเพิ่มของรัฐบาลใหม่ ทำให้ยอดขายปิกอัพ “ทาทา ซีนอน ไจแอนต์ ซีเอ็นจี” ชะลอตัวแรง จนต้องปรับกลยุทธ์หนีตาย เตรียมหันมาเน้นเครื่องดีเซลคอมมอนเรลมากขึ้น และเดือนตุลาคมเล็งเปิดตัวปิกอัพรุ่นใหม่ “ทาทา ซีนอน แม็กซ์ แค็บ” เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร ด้วยการจับรุ่นมีแค็บมาใส่กระบะพื้นเรียบ เพิ่มทางเลือกให้กับกลุ่มเถ้าแก่มากขึ้น เพราะสามารถบรรทุกของได้มากกว่า แต่เคาะราคาเท่ากับรุ่นมีแค็บธรรมดา
      
       ขณะที่เก๋งเล็กยังยืนยันเดินหน้านำเข้าซิตี้คาร์ “ทาทา นาโน” มาทำตลาด ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 ปลายปีนี้ เคาะราคาแบบเต็มกลืน 2.75 แสนบาท โดยปรับสเปกและอุปกรณ์มาตรฐานให้เหมาะสมกับลูกค้าชาวไทย เล็งเจาะกลุ่มสิงห์นักบิดสองล้อที่ต้องการขยับขึ้นมาใช้เก๋งคันแรก ฉีกหนีอีโคคาร์ที่กำลังเข้าสู่โหมดแข่งเดือดเร็วๆ นี้
ผลิตภัณฑ์หลักในปัจจุบัน "ทาทา ซีนอน"
       ใกล้จะเข้าโค้งสุดท้ายของปี 2554 สัญญาณปี่กลองในเวทีตลาดรถยนต์ไทย โดยเฉพาะกลุ่มปิกอัพบ่งบอกว่ากำลังจะเปิดฉากฟาดฟันกันแล้ว เห็นได้จากการเปิดโรงงานเครื่องยนต์ดีเซลมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ของเจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็มในประเทศไทย เพื่อติดตั้งในปิกอัพ “เชฟโรเลต โคโลราโด” โฉมใหม่ ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในช่วงปลายเดือนกันยายน หรือต้นตุลาคมนี้ เช่นเดียวกับ “อีซูซุ ดีแมคซ์” โฉมใหม่ ที่มีข่าวลือสะพัดจะมาเขย่าตลาดช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่ “ฟอร์ด เรนเจอร์” ใหม่ จะเปิดสายการผลิตอย่างเป็นทางการ วันที่ 28 กันยายนที่จะถึงนี้ และหลังจากนั้นคงจะมีการแนะนำสู่ตลาดในอีกไม่นาน และแน่นอน “มาสด้า บีที-50” ใหม่ ที่ผลิตจากโรงงานเดียวกัน จะมีการผลิตในเวลาไล่ๆ กัน แม้จะเปิดตัวขายเป็นทางการต้นปีหน้าก็ตาม
      
       ด้านตลาดเก๋งเล็กก็ร้อนแรงเช่นกัน เพราะมีทั้งไมเนอร์เชนจ์ของ “ฮอนด้า ซิตี้” ปลายเดือนนี้ และการเปิดตัวอีโคคาร์แบบซีดานของนิสสัน รวมถึงอีโคคาร์ของ “มิตซูบิชิ” และ “ซูซูกิ” ที่จะเผยโฉมในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 นี้ ซึ่งจากความร้อนแรงของตลาดปิกอัพและเก๋งเล็ก ทำให้ค่ายรายเล็กอย่าง “ทาทา” ต้องปรับตัวรับมืออย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถมีช่องทางยืนหยัดอยู่ในตลาดรถไทยได้
เน้นความโดดเด่นด้านการบรรทุกสิ่งของ โดยไม่ต้องกังวลกับซุ้มล้อที่กีดขวาง
       ทั้งนี้ ปัจจุบันค่ายรถภารตะ มีผลิตภัณฑ์หลักเพียง “ทาทา ซีนอน” ปิกอัพขนาด 1 ตันเท่านั้น ที่สามารถทำยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ ส่วนปิกอัพเล็กรุ่น “ซูเปอร์ เอช” ไม่สามารถบุกตลาดได้จริงจังนัก เพราะต้องรอการขึ้นไลน์ประกอบที่ประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่ปิกอัพรุ่น “ซีนอน ไจแอนต์ ซีเอ็นจี” ที่ถือเป็นรถยนต์ตัวธง กลับต้องประสบปัญหาเรื่องการขาดแคลนก๊าซ และล่าสุดยังมาเจอกับมรสุมกระแสข่าว รัฐบาลใหม่กำลังจะปรับราคาก๊าซซีเอ็นจีขึ้นอีก และที่สำคัญปิกอัพโฉมใหม่จาก 4 ค่ายก็จะออกมาในช่วงนี้ ทำให้สถานการณ์ของทาทาค่อนข้างมีปัญหา ตัวเลขยอดขายในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา จึงชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
      
       อย่างไรก็ตาม เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทาทาจึงเตรียมเพิ่มทางเลือกใหม่ และปรับกลยุทธต์ทางการตลาด โดยในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ จะมีการเปิดตัวปิกอัพรุ่นใหม่ “ทาทา ซีนอน แม็กซ์ แค็บ” (TATA XENON MAX CAB) สู่ตลาด ซึ่งเป็นปิกอัพมีแค็บแบบกระบะพื้นเรียบ เช่นเดียวกับรุ่นตอนเดียว “ทาทา ซีนอน ไจแอนต์” โดยจะเริ่มต้นกับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2.2 ลิตรก่อน และมีราคาเท่ากับรุ่นมีแค็บปกติในปัจจุบัน
หน้าตาของ “ทาทา ซีนอน แม็กซ์ แค็บ” หวังเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและเล็ก
       ส่วนสาเหตุที่แนะนำปิกอัพรุ่นแม็กซ์ แค็บออกมา เพราะต้องการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการรถใช้งานบรรทุก ซึ่งจะช่วยให้สามารถบรรทุกของได้มากขึ้น เพราะกระบะไม่มีซุ้มล้อมาขวางการบรรทุกสิ่งของ ขณะเดียวกันยังสามารถรองรับพนักงานขนของให้นั่งด้านท้ายได้ โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและเล็ก 
      
       ดังนั้น ปิกอัพรุ่นแม็กซ์ แค็บ จะไปชิงลูกค้าจากปิกอัพคู่แข่งที่รุ่นระดับล่าง หรือรุ่น J ของโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ เป็นต้น ซึ่งจะใช้งานเพื่อการพาณิชย์ หรือบรรทุกมากกว่า โดยปัจจุบันตลาดปิกอัพแบบมีแค็บ ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 60% ของตลาดปิกอัพทั้งหมด และในจำนวนดังกล่าวกว่า 30% จะเป็นปิกอัพมีแค็บกลุ่มล่าง หรือที่ใช้เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งตลาดปิกอัพไทยอยู่ที่ประมาณ 4.5 แสนคัน ปิกอัพมีแค็บกลุ่มดังกล่าวจะอยู่ที่ปีละ 7-8 หมื่นคัน และทาทาหวังส่วนแบ่งประมาณ 10% ของปิกอัพมีแค็บกลุ่มล่างนี้ หรือเดือนละ 400-500 คัน นับว่าเป็นที่น่าพอใจแล้ว
      
       ส่วนสาเหตุที่แนะนำรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2.2 ลิตรก่อน เพราะต้องการหันมาเน้นเครื่องยนต์ใช้น้ำมันดีเซลมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันมีปัญหาเรื่องปั๊มมีก๊าซซีเอ็นจีนไม่เพียงพอ และยังมีกระแสข่าวรัฐบาลใหม่จะปรับราคาก๊าซซีเอ็นจีเพิ่มอีก ทำให้ทาทาต้องหันมาเพิ่มทางเลือกใหม่ ในส่วนของรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลแทน จากเดิมรุ่นหลักจะเป็นเครื่องยนต์รองรับพลังงานซีเอ็นจี 100% แต่ต่อไปประมาณก่อนสิ้นปีน่าจะมีรุ่นซีเอ็นจีตามออกมา ให้ลูกค้าเลือกได้ตามความต้องการเช่นกัน
“ทาทา นาโน” มีแผนจะเข้ามาทำตลาดในไทย และมีคิวเปิดตัวในช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 ปลายปีนี้
       สำหรับแผนการทำตลาดเก๋งขนาดเล็ก ทุกอย่างคงเดินหน้าต่อไปตามแผน คาดว่าจะเปิด “ทาทา นาโน” สู่ตลาดไทยได้ ในช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 นี้ โดยจะนำเข้าสำเร็จรูป(CBU) จากประเทศอินเดีย ซึ่งปัจจุบันได้มีการสั่งสเปกเฉพาะสำหรับตลาดไทยไปแล้ว โดยได้มีติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ มากกว่าที่ขายในอินเดีย อย่างกระจกมองข้างครบทั้งสองด้าน ติดตั้งแอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม เพราะลูกค้าในไทยจะเปิดแอร์ตลอดเวลา หรือปรับอัตราเร่งให้ดีกว่าเดิม เป็นต้น 
      
       นอกจากนี้ยังได้มีการปรับเครื่องยนต์ของทาทา นาโน ให้สามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ซึ่งตอนนี้กำลังทดสอบการใช้งานระยะทาง 20,000 กิโลเมตรอยู่ คาดว่าในอีก 2 เดือนข้างหน้าจะรู้ผล และหากไม่มีปัญหาอะไร จะสามารถเปิดตัวสู่ตลาดไทยตามแผนที่วางไว้ ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปลายปีนี้ โดยอาจจะมีการเพิ่มชื่อรุ่นต่อท้ายคำว่า “นาโน” เข้ามา เพื่อแสดงให้เห็นเป็นเวอร์ชั่นที่แตกต่างจากรุ่นที่ขายในประเทศอินเดีย แต่ปัจจุบันยังไม่สรุปว่าจะใช้ชื่ออะไร
เตรียมเสริมอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับลุยตลาดในบ้านเราโดยเฉพาะ
       ทาทา นาโน เป็นซิตี้คาร์วางเครื่องยนต์ 624 ซีซี มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ประหยัดน้ำมัน 23.6 กิโลเมตร ต่อน้ำมัน 1 ลิตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ต่ำ โดยกลุ่มเป้าหมายทาทา มอเตอร์ส จะไม่ลงไปแข่งขันกับ “อีโคคาร์” แต่จะเปิดตลาดใหม่เจาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ และต้องการจะขยับมาใช้รถยนต์เป็นครั้งแรก
      
       โดยมีให้เลือกเพียงรุ่นเดียวเฉพาะเกียร์ธรรมดา และมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 2.75 แสนบาท ซึ่งคงจะไม่สามารถลดลงต่ำกว่านี้ได้แล้ว เพราะเป็นราคาแทบจะไม่มีกำไร เพราะต้องนำเข้าสำเร็จรูปจากอินเดีย ทำให้เสียภาษีศุลกากร หรือภาษีนำเข้า 80% แต่อนาคตกำลังจะมีแผนการขึ้นไลน์ประกอบในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะทำให้สามารถทำกำไรได้
สำหรับรถบรรทุกหัวลาก “ทาทา แดวู” ยังคงต้องรอผลการวางแผนงานด้านการตลาดกันต่อไป
       ส่วนการทำตลาดรถบรรทุกหัวลาก “ทาทา แดวู” ปัจจุบันได้มีการให้ผู้ประกอบการบางรายทดลองวิ่ง และปัจจุบันนำเข้าจากประเทศเกาหลีมาทดลองทำตลาดกว่า 20 คันแล้ว ตอนนี้กำลังเตรียมความพร้อมเรื่องบริการหลังการขาย และทีมงานทำตลาด คาดว่าอาจจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า 
      
       นับเป็นการพยายามดิ้นรนของค่ายรถจากแดนภารตะ “ทาทา” เพื่อหาทางช่องทางยืนในตลาดรถยนต์ให้กับตัวเอง เพราะไม่เพียงเป็นแบรนด์เล็กๆ ยังเป็นรถจากประเทศอินเดีย ที่การยอมรับจากผู้บริโภคชาวไทย ยังไม่มากเท่ากับรถญี่ปุ่นหรือเกาหลี แต่หากมีช่องทางของตัวเองชัดเจน ย่อมต้องมีโอกาสแจ้งเกิดได้เช่นกัน?...
ชมกันชัดๆ อีกครั้ง กับโมเดลที่ทาทาหวังใช้เป็นทีเด็ด เปิดตลาดใหม่เจาะผู้ขับขี่ 2 ล้อ ที่ต้องการขยับมาสู่รถยนต์เป็นครั้งแรก

ที่มา http://www.manager.co.th

ไม่มีความคิดเห็น: