นอกจากวันเดือนปีเกิดจะบอกลักษณะนิสัยของเราแล้ว ยังอาจพยากรณ์ได้ด้วยว่าเราจะป่วยแบบใด และควรรักษาแบบไหน ฉะนั้น ใครที่สนใจใคร่รู้ว่าตัวเองเข้าข่ายป่วยเป็นโรคอะไรได้บ้าง ก็ลองไล่เรียงตามดูกันได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยากบอกว่าเรื่องของสุขภาพใคร ๆ ก็อาจล้มป่วยกันได้นะคะ ถ้าไม่ดูแลตัวเองให้ดี ๆ
ราศีมังกร (21 ธันวาคม - 19 มกราคม)
ส่วนมากคนที่เกิดราศีนี้จะมีบุคลิกก้าวร้าว ส่งผลให้ส่วนของกระดูกและข้อต่อไม่มีความยืดหยุ่น และเมื่ออายุมากขึ้นก็จะป่วยเป็นโรคกระดูกและข้อต่อได้ง่าย ฉะนั้น ควรเริ่มต้นบำรุงกระดูกตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการกินอาหารที่มีแคลเซียม เช่น นม งาดำ ผักสีเขียว ไปจนถึงกินปลาเล็กปลาน้อย และออกกำลังเป็นประจำ อย่างไรก็ดี เมื่อชาวราศีมังกรเป็นโรคนี้ แล้วจะเจ็บปวดมาก เพราไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ต้องให้ยาลดการอักเสบและอาการบวมตามข้อเป็นระยะ ๆ ดังนั้น ควรหมั่นดูแลตัวเองอยู่เสมอๆ นะคะ ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงกับการเป็นโรคข้อต่ออักเสบ ธัยรอยด์ กระดูกและฟันเปราะค่ะ
ราศีกุมภ์ (20 มกราคม - 18 กุมภาพันธ์)
ชาวราศีนี้ชอบสังสรรค์สมาคมกับผู้อื่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่เกิดราศีนี้กลับมีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท นอกจากนั้น คนราศีนี้ยังเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคข้อเท้าบวม เส้นเลือดขอด ข้อเท้าเคล็ด ไปจนถึงข้อต่ออักเสบ ซึ่งตามพื้นดวงแล้วชาวกุมภ์มักมีอาการบวมที่ข้อเท้าหรือบริเวณต่ำกว่าหัวเข่าลงมา ฉะนั้น ควรหมั่นนวดขาทุกวันด้วยน้ำมันนวดตัว เพื่อบริหารให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น นอกจากนั้นโดยพื้นดวงแล้วชาวกุมภ์มักเป็นคนทะเยอทะยาน ซึ่งถ้าไม่รักษาสมดุลให้ดีก็อาจส่งผลต่อโรคเกี่ยวกับระบบประสาทตามที่กล่าวมาข้างต้น
ราศีมีน (19 กุมภาพันธ์ - 20 มีนาคม)
ชาวมีนเป็นคนเข้าข่ายบ้างาน และคิดมากในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เหตุนี้ชาวมีนจึงรู้สึกเหนื่อยง่ายและปวดหัวอยู่บ่อยๆ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลืองและภูมิคุ้มกัน ไม่แข็งแรง ถ้าเร่งงานจนต้องอดนอน ชาวมีนจะป่วยได้ง่ายมาก ฉะนั้น ควรหมั่นกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ และดื่มน้ำสมุนไพร เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง
ราศีเมษ (21 มีนาคม - 19 เมษายน)
ชาวเมษเป็นพวกที่ชอบฟังเสียงเพลง และบ่อยครั้ง การฟังเพลงเสียงดังมากเกินไปก็อาจทำให้ระบบประสาทเกิดความตึงเครียดได้ ซึ่งด้วยอิทธิพลของดวงดาวแล้วชาวเมษจะมีปัญหาตรงบริเวณศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหัวบ่อยๆ หรือโรคไมเกรน ยิ่งพื้นฐานชาวเมษเป็นคนเครียดง่าย คิดมาก บวกกับไม่ชอบกินอาหารตรงเวลา จึงทำให้อาการปวดหัวกำเริบอยู่บ่อย ๆ หนำซ้ำยังป่วยเป็นโรคหวัดและไซนัสอักเสบได้ง่ายอีกด้วย อย่างไรก็ดี ชาวเมษมีแนวโน้มว่าจะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งส่งผลให้ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน ฉะนั้น ควรหาเวลาพักผ่อนให้มาก ๆ และพยายามอย่าใช้ชีวิตเร่งรีบมากนัก
ราศีพฤษภ (20 เมษายน - 20 พฤษภาคม)
ชาวพฤษภมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาเรื่องสุขภาพคอ ถ้าเมื่อไหร่ที่เครียดจัดหรืออยู่ในที่ที่อากาศเย็น ๆ จะปวดคอได้ง่าย นอกจากปัญหาเรื่องปวดคอและคอติดเชื้อแล้วยังมีปัญหาเรื่องต่อมธัยรอยด์ทำงานไม่ปกติ และระบบเผาผลาญอาหารทำงานไม่ค่อยดี ตำแหน่งตรงคอจะมีส่วนสำคัญในการแสดงความรัก และแสดงความสามารถออกมาให้ผู้อื่นได้รับรู้ ดังนั้น ชาวราศีนี้จึงควรดูแลคอตัวเองให้ดี ๆ เพราะว่ามันมีผลต่อการแสดงความคิดสร้างสรรค์ออกมาด้วย
ราศีเมถุน (21 พฤษภาคม - 22 มิถุนายน)
ชาวเมถุนมีแนวโน้มจะป่วยด้วย โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และปอด ดังนั้น ควรหมั่นออกกำลังกายเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด หมั่นนั่งสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบ และหายใจเข้าออกอย่างถูกวิธี ทั้งนี้ ชาวเมถุนยังมีจุดอ่อน บริเวณหลังและไหล่ ทำให้เส้นเอ็นบริเวณนั้นตึงอยู่บ่อยๆ จนเกิดอาการอักเสบ ใครที่ชอบนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ควรหาอะไรมารองมือและหลังไว้ให้ดี ๆ เพื่อป้องกันอาการปวดหลัง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับขั้นรุนแรง ฉะนั้น ควรหาเวลาออกกำลังกายเพื่อช่วยในเรื่องระบบหายใจ และช่วยให้นอนหลังได้ดียิ่งขึ้น
ราศีกรกฎ (23 มิถุนายน - 22 กรกฎาคม)
ชาวราศีนี้มีแนวโน้มจะป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและโรคลำไส้อักเสบ รวมทั้งโรคที่เกี่ยวกับระบบการย่อยอาหาร นอกจากนี้ ยังปวดท้องได้ง่าย ทั้งนี้ เพราะพื้นดวงชาวราศีนี้จะเป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวนหงุดหงิดง่าย ฉะนั้น ควรระวังเรื่องการกินและอารมณ์ให้มาก ๆ เพราะจะส่งผลให้ป่วยได้ง่าย
ราศีสิงห์ (23 กรกฎาคม - 22 สิงหาคม)
ชาวสิงห์มักสง่าและเป็นจ่าฝูง (หรือศูนย์กลาง) ในทุกๆ เรื่อง ฉะนั้น พื้นดวงของคนราศีนี้จึงมักมีปัญหาเรื่องระบบหัวใจและกระดูกสันหลังอันถือว่าเป็นศูนย์กลางของร่างกายของเราด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยความที่ชาวสิงห์เป็นคนที่มีนิสัยดื้อรั้นและไม่ยืดหยุ่น จึงทำให้กล้ามเนื้อตามร่างกายเกร็งและปวดเมื่อยอยู่บ่อย ๆ และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ป่วยเป็นโรคเครียดได้ง่าย และพัฒนาไปสู่โรคความดันโลหิตสูง หัวใจ และหลอดเลือดตีบ ฉะนั้น ชาวสิงห์ควรดูแลเรื่องอาหารการกินให้ดี ๆ เพื่อจะได้ไม่ไปเร่งให้เกิดโรคที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ราศีกันย์ (23 สิงหาคม - 20 กันยายน)
ปกติสาวกันย์เป็นสาวที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ ฉะนั้น โรคภัยใช้เจ็บจึงไม่ค่อยถามหา แต่อย่างไรก็ดีด้วยความที่ระบบในร่างกายของสาวกันย์อาจอ่อนไหวง่ายกับโรคที่เกี่ยวกับการย่อยอาหาร ถ้ากินอาหารไม่เป็นเวลาและเครียดอยู่เป็นประจำ สาวกันย์อาจป่วยเป็นโรคกระเพาะได้ง่าย ฉะนั้น ควรรู้จักปล่อยวาง และหมั่นหาน้ำเก็กฮวยมาดื่มเพื่อช่วยให้ท้องอบอุ่น
ราศีตุล (21 กันยายน - 22 ตุลาคม)
ชาวราศีนี้ควรระวังเรื่องการทำงานของไตและกระเพาะปัสสาวะ ฉะนั้น ทางที่ดีควรหมั่นดื่มน้ำให้ได้วันละประมาณ 6- 8 แก้ว และควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เป็ด ไก่ แล้วหมั่น กินผักผลไม้สดแทน และด้วยความที่คนราศีนี้ ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวศุกร์จึงทำให้ไขมันส่วนเกินถูกขับมาจากไต ส่งผลให้ผิวหนังเป็นสิวได้ง่าย จึงควรหมั่นดูแลผิวหนังให้ดี ๆ และรักษาความสะอวดให้มากเป็นพิเศษ
ราศีพิจิก (23 ตุลาคม - 22 พฤศจิกายน)
ด้วยพื้นฐานของชาวราศีพิจิกเป็นคนที่เก็บอารมณ์ ทำให้ลามไปถึงชอบเก็บชอบอั้นของเสียเอาไว้ ไม่ยอมถ่ายตรงตามเวลา หนำซ้ำคนราศีนี้ ยังชอบกินอาหารที่มีไขมันสูงจนทำให้ท้องผูกบ่อยๆ และบางครั้งลามไปจนเป็นโรคริดสีดวงทวาร ฉะนั้น ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและหมั่นขับถ่ายให้เป็นเวลา นอกจากนี้ ควรระวังเรื่องระบบอวัยวะสืบพันธุ์ด้วย
ราศีธนู (23 พฤศจิกายน - 20 ธันวาคม)
หนุ่มสาวธนูส่วนใหญ่ชื่นชอบการดื่มเป็นชีวิตจิตใจ ฉะนั้น ควรระวังเรื่องตับเป็นพิเศษ ตั้งแต่ตับแข็ง ตับอักเสบ ไปจนถึงโรคพิษสุราเรื้อรัง นอกจากนี้ ชาวราศีธนูมักป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดีด้วย จึงควรหมั่นดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี ๆ ลด ละ เลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ส่งผลเสียต่อตับ
Did You Know?
สาวราศีกรกฎที่มักมีปัญหาระบบการย่อยอาหาร ควรรู้ไว้ว่าการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่องจะส่งผลเสียให้ระบบการเผาผลาญอาหารของคุณแย่ลง ฉะนั้น ควรเพลา ๆ เรื่องเหล่านี้ ไว้ก็ดีนะคะ
รู้ไว้ใช่ว่า
ด้วยความที่พื้นดวงของคนราศีพฤษภมักป่วยเป็นโรคเจ็บคอบ่อยๆ ฉะนั้น เพื่อป้องกันกันไม่ให้อาการเจ็บคอเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ลองดื่มน้ำอุ่นผสมเกลือเพื่อช่วยบรรเทาอาการ อย่างไรก็ดี อาการเจ็บคอและคออักเสบอาจมี ที่มาจากฝุ่นละออง ละอองเกสร หรือไม่ก็แพ้สารเคมีบางอย่าง ถ้าเป็นติดต่อกันหลายวัน ก็ควรไปหาหมอหรือลองตรวจหาสาเหตุว่าอะไร คือปัจจัยที่ทำให้เราเกิดการระคายเคืองคอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น